Top Local Places

Praram 9 hospital

99 Soi Praram9 , Huaykwang, Bangkok, Thailand
Hospital/clinic

Description

ad

www.praram9.com

RECENT FACEBOOK POSTS

facebook.com

Timeline Photos

โรคระบบทางเดินอาหาร โรคร้ายจากการกิน เป็นโรคที่เกิดในระบบทางเดินอาหาร ตั้งแต่การรับประทานอาหาร ลำเลียงอาหารผ่านกระเพาะ ลำไส้ จนเป็นกากออกมาเป็นอุจจาระ ด้วยพฤติกรรมการทานอาหารที่เปลี่ยนไป การทานอาหารไม่ตรงเวลา ทานบ้างไม่ทานบ้าง การทานอย่างเร่งรีบ ทานอาหารที่มีผลต่อระบบทางเดินอาหาร เช่น น้ำอัดลม กาแฟ เหล่านี้ เป็นสาเหตุให้เกิดโรคได้ทั้งสิ้น ซึ่งอาการของระบบทางเดินอาหาร เกิดขึ้นได้หลากหลายมาก ตั้งแต่หลอดอาหารอักเสบ กระเพาะอาหารอับเสบ กรดไหลย้อน ตลอดจนถึงแผลในระบบทางเดินอาหาร และมะเร็ง สาเหตุการเกิดโรค โรคระบบทางเดินอาหาร มีสาเหตุที่หลากหลาย แต่สามารถสรุปคร่าวๆ ได้ดังนี้ 1.พฤติกรรมการทานอาหาร ทานอาหารไม่ตรงเวลา ทานบ้างไม่ทานบ้าง การทานอย่างเร่งรีบ 2.ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ น้ำอัดลม 3.พันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม ในการใช้ชีวิต 4.เชื้อแบคทีเรีย ที่ก่อให้เกิดการอักเสบที่เยื่อบุกระเพาะอาหาร ข้อบงชี้การเกิดโรค เกิดความผิดปรกติในระบบทางเดินอาหาร และการย่อยอาหาร เช่น ทานอาหารไม่ลง ถ่ายอุจจาระไม่ออก มีกรดเกินในกระเพาะ ทำให้เกิดลม อาการเจ็บปวดในระบบทางเดินอาหาร ตลอดจนถึง การมีเลือดออกในระบบทางเดินอาหาร การดูแลป้องกัน คนไข้จะต้องเข้าใจสาเหตุหลักของการเกิดโรค และพยายามเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น กินให้ตรงเวลา งดอาหารรสจัด งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เหล่านี้เป็นพฤติกรรมอันเป็นเหตุให้เกิดโรคได้ การรักษาทางการแพทย์ การรักษาทางการแพทย์จะเริ่มจากการซักถามพฤติกรรม เพื่อให้ได้กรอบพฤติกรรมของคนไข้ที่จะนำไปสู่การเกิดโรค ทั้งการรับประทานอาหารและการขับถ่าย จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการวิเคราะห์ โดยการเจาะเลือด ถ้ามีความผิดปรกติ จะใช้การตรวจเช็คเพิ่มเติม เช่น การส่องกล้อง และการทำ CT Scan บทความโดย นพ.มงคล ตัญจพัฒน์กุล ศัลยแพทย์ระบบทางเดินอาหาร โรงพยาบาลพระรามเก้า

Timeline Photos
facebook.com

Timeline Photos

โรคหัวใจไม่น่ากลัว...อยู่ที่ตัว...ที่คุณทำ You are what you eat, what you do สิ่งที่เกิดกับตัวเรานั้นเกิดเนื่องจากพฤติกรรมหรือการกระทำของตัวเราเอง โรคต่างๆก็เช่นกัน โดยเฉพาะในกลุ่มของโรคเรื้อรังที่ไม่ติดต่อเช่น โรคหัวใจ เบาหวาน อ้วน ไขมันสูง ความดันโลหิตสูง โรคเหล่านี้มักจะเกิดร่วมกันพร้อมๆกันในกลุ่มคนที่ไม่ดูแลตัวเองมีพฤติกรรมการดำรงชีวิตที่ไม่ถูกต้อง มีชีวิตที่เร่งรีบทำงานแข่งกับเวลาตลอด ทานอาหารเร่งรีบโดยไม่คำนึงถึงชนิดหรือจะทานให้ครบทุกหมวดหมู่ ทานอาหารเนื่องจากอิ่มอร่อยความอยาก เพื่อชดเชยกับความเหนื่อยความเครียด ทำงานมากพักผ่อนน้อย เหล่านี้เป็นการสร้างพฤติกรรมการดำรงชีวิตที่ไม่ถูกสุขลักษณะ นำไปสู่ภาวะการเกิดโรคหัวใจรวมและโรคในกลุ่มนี้ ดังนั้นถ้าทุกคนดูแลรักษาตนดี ทานพอควร ออกกำลังกายประจำ พักผ่อนให้พอดี โอกาสที่จะเกิดโรคหัวใจและโรคกลุ่มนี้ก็น้อยลง เป็นการป้องกันตนเองก่อนที่จะเกิดโรค แต่ถ้าเกิดโรคขึ้นแล้ว การทานยาประจำ และการผ่าตัดทำบอลลูนขยายเส้นเลือดที่ตีบเป็นการรักษาตามอาการไม่ได้ทำให้หายขาดจากโรค การแก้ไขดังกล่าวเป็นการแก้ไขเพียงส่วนเล็กน้อย ไม่ได้แก้ไขส่วนอื่นของเส้นเลือดที่ยาวมากมายที่มีอยู่ทั่วตัวเรา ดังนั้นถ้าคงดำเนินหรือมีพฤติกรรมการการดำรงชีวิตเหมือนเดิมอีกในไม่ช้าโรคเก็จะกลับมาเยือน ต้องทำการแก้ไขอีก การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำรงชีวิตให้ถูกต้อง ทานยาประจำ ควบคุมน้ำหนัก ออกกำลังอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องกระทำต่อเนื่องตลอดไปหลังการเกิดโรคและได้รับการรักษาแก้ไข เพื่อป้องกันการเกิดโรคซ้ำขึ้นอีก ขบวนการนี้โดยรวมคือการฟื้นฟูสมรรถภาพหัวใจ โดยเริ่มจากการชะลอความเสื่อมคือการดูแลก่อนการเกิดโรคหรือการป้องกันการเกิดโรค การดูแลขณะเป็นโรคพร้อมช่วยแก้ไขสมรรถภาพร่างกายที่ผิดปกติขณะเป็นโรคให้กลับสู่สภาพเดิม ดังนั้นทุกคนต้องเริ่มดูแลสุขภาพฟื้นฟูร่างกายชะลอความเสื่อมของหัวใจป้องกันการเกิดโรคหัวใจ และกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (คงสภาพความหนุ่มสาว) เริ่มกันตั้งแต่วันนี้เถิดครับ บทความโดย : พล.อ.นพ.ประวิชช์ ตันประเสริฐ อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลพระรามเก้า

Timeline Photos
facebook.com

Timeline Photos

การติดบุหรี่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตที่ป้องกันได้ ควันบุหรี่มีผลกระทบต่อหัวใจและระบบทางเดินหายใจ พบว่าควันบุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญหลักของโรคหัวใจ อัมพฤกษ์อัมพาต ถุงลมโป่งพอง และมะเร็ง (โดยเฉพาะมะเร็งปอด มะเร็งในช่องปาก มะเร็งกล่องเสียง และมะเร็งตับอ่อน) และยังมีผลต่อหลอดเลือดและโรคความดันโลหิตสูง ผลกระทบของบุหรี่ขึ้นกับระยะเวลาที่สูบ และปริมาณบุหรี่ที่สูบต่อวัน ในควันบุหรี่มีสารก่อมะเร็งหลายชนิดที่มีผลต่อเซลล์ในร่างกายและในบุหรี่ยังมีสารนิโคตินซึ่งเป็นสารเสพติดที่มีผลต่อทั้งร่างกายและจิตใจ บุหรี่ยังมีผลต่อเด็กทารกในครรภ์ ทำให้มารดาที่ตั้งครรภ์มีโอกาสแท้งบุตร คลอดบุตรที่เสียชีวิต คลอดบุตรที่มีน้ำหนักน้อยกว่าปกติ , บุหรี่ยังมีผลทำให้สมรรถภาพทางเพศลดลง และทำให้อายุสั้นลงโดยเฉลี่ย 13.2 ปี ในผู้ชาย และ 14.5 ปีในผู้หญิง ผู้สูบบุหรี่มือสองมีความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจมากกว่าคนปกติ 25-30 % และมีความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปอดมากกว่าคนปกติ 20-30 % ปัจจุบันองค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้การสูบบุหรี่เป็นโรคเรื้องรังอย่างหนึ่งที่เป็นๆ หายๆ และมีแนวทางการรักษาที่มีประสิทธิภาพไม่ต่างจากโรคเรื้อรังอื่นๆ และให้ชื่อโรคนี้ว่าโรคติดบุหรี่ และถ้าไม่เลิกสูบบุหรี่จะมีผู้เสียชีวิตอันสืบเนื่องกับบุหรี่ไม่ต่ำกว่า 1 ใน 4 ปัจจุบันมีบริการช่วยเลิกบุหรี่โดยแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์หรือบุคลากรวิชาชีพสุขภาพ การที่ผู้ป่วยไม่ทราบและไม่เข้าถึงการให้บริการช่วยเลิกบุหรี่ทำให้คนส่วนมากเลือกวิธีการเลิกบุหรี่ด้วยตนเองแบบหักดิบ ซึ่งมีอัตราความสำเร็จต่ำและมีโอกาสกลับไปสูบบุหรี่ซ้ำได้มาก แนวทางปฏิบัติผู้ป่วยจะได้รับการซักถามประวัติการสูบบุหรี่ และจะได้รับคำแนะนำให้เลิกสูบบุหรี่โดยเด็ดขาด ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพ บุคคลใกล้ชิด และลดค่าใช้จ่ายในการเสียเงินไปซื้อบุหรี่ ผู้ป่วยจะได้รับการประเมินความประสงค์และความพร้อมในการเลิกบุหรี่ ประเมินความรุนแรงของการติดบุหรี่ และปัจจัยที่เป็นตัวกระตุ้นเร้าให้สูบบุหรี่และจะได้รับการช่วยเหลือและบำบัดรักษาอย่างเหมาดสมเพื่อให้เลิกสูบบุหรี่ได้สำเร็จ และจะมีการนัดติดตามอาการและผลการเลิกบุหรี่ ผู้ป่วยที่มีประวัติการสูบบุหรี่อย่างต่อเนื่องมากกว่า 10 ปี และมีอาการทางระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ เหนื่อยง่าย มีเสมหะมาก ไอเรื้อรัง จะได้รับคำแนะนำให้ตรวจสมรรถภาพทางปอดเพื่อค้นหาโรคระบบทางเดินหายใจ หากพบว่าในครอบครัวมีบุคคลอื่นที่สูบบุหรี่ แนะนำให้เลิกสูบบุหรี่กันทุกคนพร้อมทั้งแนะนำให้สมาชิกคนอื่นในครอบครัวมาปรึกษาเรื่องเลิกบุหรี่

Timeline Photos
facebook.com

RSV ไวรัสวายร้าย มากับสายฝน

อดทนเวลาที่ฝนพรำ..อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง พอเข้าสู่ฤดูฝนโดยเฉพาะช่วงปลายฝนต้นหนาวหรือระหว่างเดือนสิงหาคม - ตุลาคม เด็ก ๆ มักจะป่วยและมาหาป้าหมอที่โรงพยาบาลบ่อย เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงและมักจะรับเชื้อโรคได้ง่าย โดยเฉพาะไวรัส RSV ที่มีอาการคล้ายไข้หวัดแต่ส่งผลรุนแรง ถึงขั้นปอดอักเสบติดเชื้อได้ค่ะ คุณแม่ ๆ หลายคนอาจจะเคยมีประสบการณ์ที่ลูกติดเชื้อ RSV หรืออาจจะเคยได้ยินชื่อนี้มาจากคุณครู หรือ คุณหมอที่ดูแล แล้วเชื้อ RSV นี้เป็นอย่างไร ทำไมป้าหมอถึงเรียกว่า เป็นไวรัสวายร้าย ถ้าพร้อมแล้ว มาทำความรู้จักกับเชื้อ RSV ไปพร้อม ๆ กันค่ะ https://goo.gl/lat3XL #ไวรัสrsv #โรงพยาบาลพระรามเก้า

facebook.com

Timeline Photos

โรคกระเพาะ (โรคกระเพาะที่เกิดจากกรด) คืออะไร ? คือภาวะอักเสบ หรือ แผลในส่วนของกระเพาะ ( stomach, gastritis, gastric ulcer) หรือ ในลำใส้เล็กส่วนต้น ( duodenum, duodenitis, duodenal ulcer) ที่เกิดจากกรดในกระเพาะ, ปกติแล้วอวัยวะ 2 ส่วนนี้จะโดนกรด และ น้ำย่อยแทบตลอดเวลา จะมีกลไกป้องกันอยู่ในตัวได้แก่ มีเมือกหนาป้องกัน (coating of mucus (mucous layer)), มีการสร้างด่างเพื่อลดกรดที่มาระคายเคืองผิว และซ่อมแซมตัวเองได้เร็ว จึงไม่เกิดปัญหาอาการ ความผิดปกติของการหลั่งกรดมากเกินปกติ เกิดการอักเสบของกระเพาะ หรือ กลไกการป้องกันดังกล่าวผิดปกติไป จะทำให้เกิดโรคกระเพาะกลุ่มนี้ขึ้นได้ อาการของโรคกระเพาะ มีอะไรบ้าง ? อาจมาด้วยอาการหลายแบบ หรือ อาจไม่มีอาการขณะที่กระเพาะมีปัญหาอยู่ก็ได้ ได้แก่ 1. กลุ่มที่คล้ายกรดมากในกระเพาะ • ปวดแสบ จี๊ด คล้ายหิว ท้องร้อง • ทานอาหาร หรือ ดื่มน้ำมาก ๆ แล้วเหมือนชะล้างให้กรดเจือจาง จึงอาการดีขึ้นหลังกินอาหาร • กินอาหารเปรี้ยว หรือ เผ็ด เกิดแสบท้อง 2. กลุ่มอาการที่คล้ายลมมาก กระเพาะบีบเกร็ง แน่น • ปวด อืด หรือ อึดอัดไม่สบายในท้องด้านบน (upper abdomen) • อิ่มเร็ว ไม่หิว ทานอาหารแล้วเหมือนปวดแน่นมากขึ้น กินแล้วแย่อึดอัด • คลื่นไส้ หรือ อาเจียน 3. กลุ่มอาการคล้ายหูรูดหย่อนยาน เรอง่าย เรอเปรี้ยว • เรอเปรี้ยว แสบขึ้นคอ • แน่นอก อึดอัด หายใจไม่สะดวก หรืออาจแน่นคล้ายใจจะขาด โรคหัวใจ • หอบ หายใจไม่สะดวก 4. กลุ่มอาการที่เกิดจากโรคแทรกซ้อนของโรคกระเพาะ หรือ แผลในกระเพาะ • เลือดออกจากการอักเสบรุนแรง หรือ แผล ซึ่งอาจมาด้วยถ่ายเป็นสีดำ หรือ เป็นเลือด อาเจียนเป็นเลือด หรือ ภาวะซีดแบบไม่มีสาเหตุอื่น • บางรายมีการทะลุแทรกซ้อน จำเป็นต้องผ่าตัดรักษาเร่งด่วนด้วย สาเหตุด้านบนเองไม่เฉพาะแต่โรคกระเพาะเท่านั้น ควรให้แพทย์ช่วยซักประวัติ หรือตรวจเพิ่มเติม อาการปวดท้อง มีสาเหตุมากมาย เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าที่เราเป็นนี้เป็นโรคกระเพาะจริง ไม่ใช่โรคอื่น ตอบ อาการที่กล่าว จะคิดถึงโรคกระเพาะชัดเจนถ้ามี 1. อาการเข้ากับโรคนี้ชัด คือ ปวดแสบ ร้อน จี๊ด คล้ายหิวท้องร้อง 2. มีอาการมาก่อน และหายเมื่อรักษากระเพาะ 3. หายเร็วแทบทันทีหลังกินยาน้ำขาวแก้โรคกระเพาะ 4. ตำแหน่งปวดด้านบน และ ปวดบีบ 5. หลังกินอาหาร ปวดมากขึ้นแทบทันทีใน 2-5 ชั่วโมง หรือ กินอาหารแล้วปวดลดลง 6. ท้องว่างกินช้าปวด หรือ ตื่นปวดกลางดึก ขณะที่ก่อนนอนไม่ปวดมาก่อน ช่วง 5 ทุ่ม ถึง ตี 2 (เป็นเวลาที่กรดหลั่งมากขึ้นตามธรรมชาติ) กรณีไม่เป็นตามนี้ ให้คิดถึงโรคอื่น ดังที่กล่าวในข้อ 9.3 ครับ หรือ แม้เป็นตามนี้ แต่รักษาไม่หาย อาการปวดเปลี่ยนไปจากเดิม ก็ควรรีบเข้าปรึกษาแพทย์ครับ สาเหตุของโรคกระเพาะคืออะไร ? - สาเหตุใหญ่ ๆ ได้แก่ 4.1 การติดเชื้อโรค Helicobacter pylori ซึ่งเป็นแบคที่เรียที่พบได้บ่อยในคนเอเชีย พบว่าในคนไทย หรือ คนเอเชียพบแบคทีเรียนี้ถึง 50 % ของคนไทยเลย สาเหตุที่เชื้อนี้ก่อให้เกิดโรคกระเพาะง่ายขึ้น ให้ดูกลไกที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะโดยแบคทีเรียนี้ ในข้อ 5. ครับ 4.2 จากยากลุ่มแก้ปวดเส้น ปวดข้อ ปวดกระดูก กล้ามเนื้อ (Nonsteroidal anti-inflammatory drugs (NSAIDS) เช่นยา แอสไพริน, อินโดซิด, โวทาเรน และ บูเฟน และอื่น ๆ - สาเหตุเสริมอื่นได้แก่ 4.3 การสูบบุหรี่ 4.4 ดื่มชา กาแฟ คาเฟอีนที่เข้มข้น หรือ มากไป 4.5 อาจเกี่ยวข้องกับกรรมพันธ์ในครอบครัว 4.6 สิ่งแวดล้อมด้วยบ้าง 4.7 การมีความเครียด, นอนดึก 4.8 การกินอาหารที่เผ็ดเปรี้ยวจัด, กินอาหารที่ย่อยยาก ที่จริงผัก ผลไม้ การกินมื้อหนัก การรีบทานไม่เคี้ยว หรือ กินอาหารมัน หรือ ลมมาก ก็อาจกระตุ้นให้เกิดโรคกระเพาะได้ : 2 ข้อหลังพบว่ามีส่วนน้อยกว่าสาเหตุที่กล่าวในส่วนแรก ๆ #โรคกระเพาะ #โรงพยาบาลพระรามเก้า

Timeline Photos
facebook.com

Timeline Photos

ผิวหนังในผู้หญิงแต่ละวัย และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ในแต่ละช่วงชีวิต มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย ผิวหนังก็เช่นกัน โดยการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังในบางวัยก็จะก่อให้เกิดปัญหาผิวหนังต่างๆตามมา เช่น การเป็นสิวในวัยรุ่น เราจึงควรต้องทำความรู้จักกับผิวหนังและเกิดการเปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วงวัย เพื่อเตรียมตัวดูแลผิวหนังให้สดใส สมวัย เริ่มที่วัยเด็กจนถึงวัยรุ่น เป็นช่วงที่ผิวหนัง มีการเปลี่ยนแปลงมากด้านการเจริญเติบโต คือ มีการเพิ่มขึ้นของผิวหนังตามขนาดน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น โดยเฉลี่ยแล้วพื้นที่ผิวของผิวหนังจะขยายประมาณ 7 เท่า นับตั้งแต่แรกเกิดจนโตเต็มวัย อีกทั้งผิวหนังเปลี่ยนแปลงจากอิทธิพลของฮอร์โมนในร่างกายที่เปลี่ยนแปลง โดยฮอร์โมนที่สำคัญ คือ ฮอร์โมนที่ช่วยในการเจริญเติบโต (Growth Hormone) และฮอร์โมนเพศ *วัยเด็ก ผิวหนังมักไม่ค่อยมีปัญหา นอกจากมีการผิดปกติของผิวหนังที่ได้รับถ่ายทอดทางพันธุกรรมอยู่แล้ว จนเข้าสู่วัยเรียน เมื่อเข้าโรงเรียนจะมีโอกาสเกิดผิวหนังอักเสบติดเชื้อต่างๆได้ง่าย เช่น หัด หัดเยอรมัน , สุกใส , หูด , หูดข้าวสุก , แผลพุพอง จนไปถึงหิดและเหาซึ่งจะติดต่อกันง่ายในโรงเรียน *วัยรุ่น ด้วยอิทธิพลของฮอร์โมนเพศ ทำให้มีขนขึ้นตามที่ต่างๆของร่างกาย และต่อมไขมันทำงานมากขึ้นจึงทำให้เกิดสิว ซึ่งเป็นโรคที่พบได้ในวัยรุ่นเกือบทุกคน รวมถึงผื่นแพ้สัมผัสจากเครื่องสำอางก็สามารถพบได้เพราะวัยรุ่น เป็นวัยที่รักสวยรักงาม และเริ่มมีการใช้เครื่องสำอางต่างๆมากขึ้น อีกหนึ่งปัญหาที่พบได้บ่อย คือ ปัญหากลิ่นตัว เนื่องด้วยอิทธิพลของฮอร์โมน ทำให้ต่อมเหงื่อ ต่อมสร้างกลิ่นทำงานมากขึ้นนั่นเอง *วัยผู้ใหญ่วัยทำงาน เป็นวัยเจริญพันธุ์ ซึ่งมีระดับฮอร์โมนเพศหญิงเปลี่ยนแปลงตามรอบเดือน ซึ่งผิวหนังก็ได้รับอิทธิพลของฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงนี้ด้วยที่พบได้บ่อย คือ ผิวหน้า , เส้นผม รู้สึกมันขึ้นหรือแห้งลง ผิวหนังบวมน้ำขึ้น เป็นสิว ถ้ามีโรคผิวหนังอยู่แล้ว เช่น สะเก็ดเงิน , ผื่นหน้าแดง , เริม ช่วงมีรอบเดือนจะมีอาการของโรคนั้นๆมากขึ้นได้ *วัยทำงาน ในบางอาชีพที่ต้องสัมผัสกับสารเคมี , โลหะบางอย่าง อาจทำให้เกิดผื่นผิวหนังต่างๆและโรคที่เกิดจากอาชีพการงานได้ ผื่นแพ้สัมผัสที่เกิดจากเครื่องสำอาง ก็พบได้บ่อยในผู้หญิงวัยนี้เพราะเป็นวัยที่มีการใช้เครื่องสำอางกันทั่วไป *ผู้หญิงตั้งครรภ์ เป็นช่วงระยะเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนต่างๆมากมาย ส่งผลทั้งต่อร่างกายและจิตใจและส่งผลต่อผิวหนัง คือ มีการสร้างเม็ดสีที่ผิวหนังบริเวณต่างๆมากขึ้น เช่น หัวนม , อวัยวะสืบพันธุ์ ผิวหนังบริเวณตรงกลางของหน้าท้อง ร่วมกับมีการขยายของผิวหนังมากในทุกส่วน ทั้งหน้าท้อง , แขนขา ซึ่งจะทำให้เกิดรอยแตกลาย และผื่นคันได้มากกว่าปกติ ต่อมไขมัน ต่อมเหงื่อก็ทำงานมากขึ้นระหว่างที่ตั้งครรภ์ จึงอาจพบว่ามีเหงื่อออกมากจนเกิดผื่น ผิวหนังอักเสบจากเหงื่อ ผิวจะมันขึ้นจนอาจพบสิวที่ใบหน้า , หน้าอกและแผ่นหลังได้มากขึ้น เล็บ , ผมและขนตามร่างกายก็มีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน บางคนจะมีขนตามร่างกายมากขึ้นได้ เล็บมีการร่อนได้ ส่วนผมไม่พบว่ามีการร่วงมากขึ้นหรือขึ้นดกกว่าปกติ จนกระทั่งหลังคลอดซึ่งจะมีโอกาสเกิดผมร่วงบางหลังคลอดได้ *วัยหมดประจำเดือน เมื่อเข้าสู่อายุ 45- 55 ปี ผู้หญิงจะเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ในวัยนี้ฮอร์โมนเพศจากรังไข่จะลดลงมาก ซึ่งมีผลต่อผิวหนังโดยตรง ทั้งผิวหนัง ร่างกายและอวัยวะสืบพันธุ์ ผิวหนังจะเสียความยืดหยุ่นไป ผิวจะแห้งและบางลง ทำให้มีโอกาสเกิดการติดเชื้อของผิวหนังได้ง่ายขึ้น ผิวหนังที่แห้งก็เป็นผื่นได้ง่ายเช่นกัน การใช้ฮอร์โมนทดแทนในวัยนี้ ก็มีผลโดยตรงต่อผิวหนัง โดยฮอร์โมนทดแทนสามารถกระตุ้นให้เกิดฝ้า , เส้นเลือดฝอยที่ผิวหน้าขยาย , ไฝที่มีอยู่เข้มขึ้น โตขึ้น นอกจากนี้ มีรายงานว่าการให้ฮอร์โมนทดแทน อาจเกี่ยวข้องกับ การเกิดผื่นลมพิษเรื้อรังและโรคผิวหนังบางชนิดที่เกี่ยวข้องกับแสงแดด *วัยหลังหมดประจำเดือน ผิวหนังของผู้หญิงวัยนี้ จะเสียความยืดหยุ่นไปมาก อีกทั้งเกิดริ้วรอย จุดด่างดำมากโดยเฉพาะบริเวณที่ถูกแสงแดด ซึ่งผิวหนังบางลงและมีเนื้องอกของผิวหนังต่างๆเกิดขึ้นมากมาย เช่น กระเนื้อ ติ่งเนื้อ ซีสต์ ใต้ผิวหนังและมะเร็งผิวหนังชนิดต่างๆ ต่อมไขมันทำงานน้อยลงมาก ส่งผลให้ผิวหนังแห้ง ในบางคนผิวจะแห้งมาก จนเกิดอาการคันที่ผิวหนังเรื้อรัง และอาการคันที่ผิวหนังเรื้อรังบางครั้งก็เป็นอาการแสดงของโรคบางโรคได้ ผมจะบางลง และมีสีผมจางลง มีผมหงอกมากขึ้น เส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังเปราะแตกง่าย จึงอาจเกิดรอยช้ำ จ้ำเลือดใต้ผิวหนังได้บ่อย #โรงพยาบาลพระรามเก้า

Timeline Photos
facebook.com

Timeline Photos

คนไทยมักรู้จักโรคหลอดเลือดสมองกันว่าโรคอัมพาต หรือ อัมพฤกษ์ ซึ่งเกิดได้จากสองสาเหตุ คือ เส้นเลือดในสมองแตก และเส้นเลือดในสมองตีบ ทั้งสองกรณีนี้จะทำให้เนื้อเยื่อสมองที่โดนผลกระทบไม่ทำงาน เช่น ถ้ามีอาการในบริเวณที่ควบคุมการขยับของแขนขาด้านใดด้านหนึ่ง ก็จะทำให้แขนขาด้านนั้นขยับไม่ได้ ถ้าเป็นถาวรก็จะเรียกว่าเป็นอัมพาต ถ้าเป็นชั่วคราวก็จะเรียกว่าอัมพฤกษ์นั่นเอง คล้ายๆ อาการของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ (Heart Attack) แต่เป็นโรคหลอดเลือดสมอง (Brain Attack) แทน อาการของโรคหลอดเลือดสมองเป็นอย่างไรได้บ้าง ในปัจจุบันหากผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองแบบขาดเลือดมารับการรักษาภายในเวลาสี่ชั่วโมงครึ่ง สามารถที่จะให้ยาละลายลิ่มเลือดเพื่อที่จะช่วยให้สมองในบริเวณที่ขาดเลือดกลับมาทำงานได้ตามปกติ ดังนั้นอาการที่เป็นทันทีทันใดและควรสังเกตง่ายๆ ในเบื้องต้นจึงได้แก่ F.A.S.T. F Face : ผู้ป่วยจะมีอาการหน้าเบี้ยวด้านใดด้านหนึ่ง หรือผู้ป่วยบางท่านอาจจะมีอาการระหว่างการรับประทานอาหารแล้วมีอาหารไหลออกจากปาก หรือน้ำลายไหลออกจากมุมปากด้านใดด้านหนึ่ง ทดสอบง่ายๆ ได้โดยให้ผู้ป่วยลองยิ้ม หรือยิงฟัน A Arms : ผู้ป่วยจะขยับแขนขาด้านใดด้านหนึ่งไม่ได้ โดยอาจจะเป็นเฉพาะขา หรือเป็นทั้งแขนขาซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นด้านเดียวกัน ทดสอบง่ายๆ โดยการให้ผู้ป่วยลองยกแขนขาทั้งสองข้างถ้าตกด้านใดด้านหนึ่งแสดงว่ามีความผิดปกติ S Speech : ผู้ป่วยจะมีอาการพูดไม่ชัด พูดอ้อแอ้ เหมือนลิ้นคับปาก หรือบางคนมีอาการพูดไม่ออก หรือฟังคำสั่งไม่รู้เรื่อง ญาติบางคนจะคิดว่าผู้ป่วยสับสน ทดสอบได้ง่ายๆ ด้วยการให้ผู้ป่วยพูดตามในคำง่ายๆ เช่น กรุงเทพมหานคร หรือชี้ให้ดูปากกา นาฬิกา แล้วถามว่าของสิ่งนั้นเรียกว่าอะไร หรือให้ทำตามคำสั่งง่ายๆ เช่น ชูสองนิ้ว เป็นต้น T Time : เวลาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ให้นำผู้ป่วยที่สงสัยว่ามีภาวะโรคหลอดเลือดสมองไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดและเร็วที่สุด เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับสมองที่มากขึ้นตามระยะเวลาที่มากขึ้น ในกรณีที่เป็นโรคหลอดเลือดในสมองตีบและมาถึงโรงพยาบาลภายในสี่ชั่วโมงครึ่ง จะสามารถให้ยาละลายลิ่มเลือดในส่วนของเส้นเลือดที่อุดตันได้ และอาการของคนไข้จะสามารถกลับมาเป็นปกติได้ ถ้าให้ยาละลายลิ่มเลือดแล้ว จะสามารถละลายลิ่มเลือดที่อุดตันออกไปได้ #อัมพฤกษ์ #อัมพาต #โรงพยาบาลพระรามเก้า

Timeline Photos
facebook.com

Timeline Photos

กระดูกคอเสื่อมมีอาการอย่างไร ต้องดูแลและรักษาอย่างไร กระดูกคอเสื่อมจะมีอาการปวดต้นคอ ปวดไหล่ และแขนข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง รวมทั้งอาการชา เกิดจากงานที่ต้องนั่งนาน ๆ เช่น นั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ ถ้ารุ่นแรงต้องใส่ที่พยุงคอ คล้ายปลอกคอไว้ชั่วคราว และรับประทานยาแก้ปวด เมื่ออาการดีขึ้นก็ต้องมีการบริหารให้กระดูกคอแข็งแรงอย่งต่อเนื่อง และปรับเปลี่ยนการนั่งนาน ๆ ให้มีการพักของกระดูกและกล้ามเนื้อคอขณะทำงาน #กระดูกคอเสื่อม #ปวดคอ #โรงพยาบาลพระรามเก้า

Timeline Photos
facebook.com

Timeline Photos

"Computer Vision Syndrome" เป็นกลุ่มอาการทางสายตาที่เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน อาการจะเพิ่มมากขึ้นตามระยะเวลาที่ใช้คอมพิวเตอร์ อาการของ Computer Vision Syndrome ได้แก่ อาการเมื่อยล้าปวดตาเคืองตา ตาแห้ง น้ำตาไหล ตามัว เห็นภาพซ้อน ปวดคอ หลังและไหล่ ซึ่งอาการเหล่านี้อาจจะมีสาเหตุมาจากการใช้คอมพิวเตอร์ในที่ที่มีแสงไม่เพียงพอ แสงสะท้อนจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ระยะห่างระหว่างตาและคอมพิวเตอร์ไม่เหมาะสม ท่านั่งไม่เหมาะสม ค่าสายตาผิดปกติ เช่น สายตาสั้นหรือยาวที่ไม่ได้รับการแก้ไข หรือมาจากหลายๆสาเหตุร่วมกัน มาดู 6 วิธี ที่ช่วยลดภาวะนี้ได้ การปรับสภาวะแวดล้อมให้เหมาะสมกับการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์จะช่วยให้ทำงานได้สะดวกสบายขึ้น และลดภาวะ Computer Vision Syndrome ได้ อันได้แก่ 1. ตำแหน่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ : การมองจอคอมพิวเตอร์ที่เหมาะสม ควรจะมองลงล่าง 15 – 20 องศา จออยู่ห่างจากตา 20 – 28 นิ้ว 2. แสงไฟ : จัดตำแหน่งหน้าจอเพื่อหลีกเลี่ยงแสงสะท้อนจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ 3. แสงสะท้อนจากคอมพิวเตอร์ : ฟิล์มลดแสงสะท้อนที่จอคอมพิวเตอร์จะช่วยให้ทำงานได้สบายตามากขึ้น 4.ท่านั่งที่เหมาะสม : เก้าอี้ควรนั่งสบาย ความสูงของเก้าอี้ควรสูงพอดีที่เท้าสามารถวางราบพื้นได้ และควรมีที่วางแขนเพื่อพยุงไว้ขณะพิมพ์ 5.การพักสายตา : ควรพักสายตา 15 นาที เมื่อใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกัน 2 ชั่วโมง และเมื่อใช้คอมพิวเตอร์ครบ 20 นาที ควรมองไกลเพื่อพักสายตา และช่วยปรับโฟกัสเป็นเวลา 20 วินาที 6.การกะพริบตา : เพื่อลดภาวะตาแห้ง ควรกระพริบตาบ่อยๆ เพื่อช่วยให้มีน้ำตาหล่อลื่น #โรงพยาบาลพระรามเก้า #computer_vision_syndrome

Timeline Photos
facebook.com

Timeline Photos

โรงพยาบาลพระรามเก้าขอเชิญร่วมกิจกรรม วันพยาบาลสากล (International Nurses Day) วันที่ 12 พฤษภาคม 2559 ตั้งแต่เวลา 9 - 15.00 น. ณ ลานกิจกรรมชั้น 2 รพ.พระรามเก้า #วันพยาบาลสากล #โรงพยาบาลพระรามเก้า

Timeline Photos
facebook.com

Timeline Photos

โรคภูมิแพ้ แบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดใหญ่ๆ คือ โรคภูมิแพ้ตามฤดูกาล และโรคภูมิแพ้ชนิดตลอดปี อาการที่มักพบอยู่เสมอในผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ ได้แก่ จาม คัดจมูก ตา หู และลำคอ มีน้ำมูกใสๆ ไหลออกมาบ่อยๆ รู้สึกคัดจมูก ตาแดง และมีน้ำตาไหล นอกจากนี้ยังอาจมีอาการเจ็บคอ ไอ อ่อนเพลีย ปวดท้อง ปวดศีรษะ หรือปวดบริเวณคาง และหน้าผากร่วมด้วย โรคไซนัสอักเสบ เป็นโรคที่พบบ่อยทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ จากเชื้อแบคทีเรีย (acute bacterial rhinosinusitis-ABRS) ในผู้ใหญ่ที่เกิดตามหลังไข้หวัดพบได้ประมาณร้อยละ 0.5-2 และในเด็กพบประมาณร้อยละ 5-10 โรคไซนัสอักเสบเป็นโรคที่ทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยแย่ลงได้และอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนชนิดที่รุนแรงเช่น ฝีในสมอง,ตาบอด และชนิดที่ไม่รุนแรงเช่น หูชั้นกลางอักเสบ,การได้ยินลดลง,ริดสีดวงจมูก ฯลฯ ดังนั้นการดูแลผู้ป่วยอย่างเหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ไขมันในเลือด ได้แก่ คลอเลสเตอรอล LDL สูง คลอเลสเตอรอล HDL ต่ำ และไตรกลีเซอร์ไรด์สูง ล้วนเป็นความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดแดงตีบ (Atherosclerosis) ไขมันเหล่านี้ไม่ได้มาจากอาหารโดยตรงเท่านั้น แต่ร่างกายสร้างขึ้นใหม่จากไขมันที่กินเข้าไป โดยมีปัจจัยต่างๆ เช่น ชนิดอาหาร ปริมาณอาหาร การออกกำลังกาย บุหรี่ สุรา และพันธุกรรม ซึ่งนอกจากพันธุกรรมแล้ว ปัจจัยอื่นที่สามารถดัดแปลงให้ไขมันในเลือดใกล้เคียงปกติหรือเป็นปกติได้ โรคเยื่อบุตาอักเสบ (โรคตาแดง) คือ โรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่เยื่อบุตา ทำให้ตาเกิดการอักเสบ และมีเลือดออกใต้เยื่อบุตาขาว มักระบาดในช่วงปลายฤดูหนาว พบได้ในทุกวัยต่อต่อง่ายโดยเฉพาะเด็กวัยเรียน โรคต้อกระจก เป็นโรคที่ทำให้สายตามัว พบบ่อยที่สุดในผู้สูงอายุ โดยเกิดจากความขุ่นของเลนส์ตา ซึ่งปกติจะมีความใส แต่เมื่อเกิดต้อกระจก เลนส์ตาจะขุ่นทำให้แสงผ่านเลนส์ตาไปยังจอประสาทตาน้อยลง ทำให้การมองเห็นลดลงเกิดอาการตามัวขึ้น โรคต้อหิน คือ โรคหรือภาวะที่เกิดจากความดันภายในลูกตาสูงผิดปกติ หรือในบางกรณีความดันอาจปกติร่วมกับมีการถูกทำลายของใยประสาทตา ขั้วประสาทตา ทำให้ลานสายตาแคบลงเรื่อยๆ โดยผู้ป่วยไม่มีอาการตามัว ผู้ป่วยจึงไม่รู้ตัวว่าเป็นโรค หากไม่ได้รับการรักษาเพื่อควบคุมโรคจะทำให้ประสาทตาถูกทำลายไปเรื่อยๆ ส่งผลให้ตาบอดในที่สุด ผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคต้อหินจึงควรได้รับการดูแลจากจักษุแพทย์ผู้ชำนาญการอย่างสม่ำเสมอ #โรงพยาบาลพระรามเก้า

Timeline Photos
facebook.com

Photos from Praram 9 hospital's post

โรงพยาบาลพระรามเก้า นำโดย แพทย์หญิง ผ่องพรรณ ทานาค พร้อมคณะได้รับเกียรติเข้าร่วมการตรวจสุขภาพสาวงาม เพื่อเตรียมความพร้อม สำหรับผู้เข้าประกวด Miss Myanmar World 2016 ณ โรงแรมชาเทรียมโฮเทล เมืองย่างกุ้ง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา

Photos from Praram 9 hospital's post
facebook.com

Quiz

NEAR Praram 9 hospital