Top Local Places

Sindella Clinic Trat

1 ซ.ยุติธรรม ต.บางพระ, Trat, Thailand
Beauty/Cosmetics Company

Description

ad

คลินิคเสริมความงาม

RECENT FACEBOOK POSTS

facebook.com

#รับสมัครแม่บ้าน ทำงาน10.00-21.00น. มีเวลาพัก ค่าคอม ขอคนขยันคะ สนใจยื่นใบสมัครได้ที่คลินิค 💢เอกสารที่ต้องเตรียม💢 -บัตรประชาชน -สำเนาทะเบียนบ้าน -รูปถ่ายขนาด1นิ้ว

facebook.com

The Best Clips "ทีเด็ด"

ขนลุกเหมือนกันมั้ย

facebook.com

Timeline Photos

#ว่าด้วยเรื่องของสิว #สิวอักเสบ #สิวอุดตัน #ลดความมันบนใบหน้า 👉สาเหตุของสิวอักเสบ 1. เกิดขึ้นเองตามธรมชาติและตามวัย โดยเฉพาะในวัยรุ่นซึ่งร่างกายกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง จนเกิดภาวะฮอร์โมนไม่สมดุลจนให้เกิดสิวอักเสบขึ้น 2. เกิดขึ้นจากแบคทีเรียและฝุ่นละออง ส่วนมากจะเป็นเชื้อแบคทีเรียและฝุ่นละอองเล็กๆที่อยู่ในอากาศ หรือที่ติดมากับมือ เมื่อเกิดการสะสมก็จะทำให้เกิดการอุดตันตามรูขุมขน และกระตุ้นหรือเป็นตัวเร่งให้เกิดการอักเสบ จนนำไปสู่การเกิดสิวอักเสบได้ 💉การดูแลรักษาด้วย Program Acne Complete Care คือ การทำทรีทเม้นต์ขั้นสูง เป็นโปรแกรมเฉพาะของ Sindella Clinic ที่คิดค้นขึ้นมา เพื่อดูแลรักษา ผู้ที่มีปัญหาสิวทุกชนิดบนผิวหน้า ด้วย 12 ขั้นตอน ที่จะช่วยทำให้ปัญหาสิวของคุณหมดไป และดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ขั้นตอน 1.ถ่ายรูปก่อนทำทุกครั้ง เก็บไว้เป็นประวัติ เพื่อการวางแผนการรักษาในครั้งต่อไป 2.ทำความสะอาดใบหน้า ลบ ล้างเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกบนผิวหน้า ด้วยการนวด Cleansing Milk และเช็ดด้วยสำลีอุ่น เพื่อเป็นการเปิดผิว 3.Scrub ผิวหน้าด้วยเม็ดบีดส์นุ่ม เพื่อผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยนและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดสิว 4.เช็ดโทนเนอร์ซ้ำ เพื่อขจัดสิ่งสกปรกที่อาจตกค้างอยู่บนใบหน้า 5.ทำ Jet Peeling โดยใช้แรงดันจาก Oxygen บริสุทธิ์ ผลักอนูเล็กๆของน้ำเกลือ ขนาด 150-200 ไมครอน เข้าไปชำระล้างสิ่งสกปรก ขจัดแบคทีเรียในรูขุมขน ซึ่งไม่สามารถเช็ดล้างออกได้ตามปกติ พร้อมทั้งเป็นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเพิ่มการไหลเวียนเลือดบนใบหน้า นอกจากจะช่วยให้ผิวหน้าสะอาดอย่างล้ำลึกถึงขีดสุดแล้ว ยังช่วยให้ผิวหน้านุ่มเด้ง ชุ่มชื่น เนียนใส พร้อมสำหรับการดูแลขั้นต่อไป 6.ดูดสิวเสี้ยน สิวอุดตัน ที่ตกค้างอบู่บนผิวหน้า หรือสิวหัวเปิดที่สามารถดูดออกได้ ด้วยเครื่องดูดสิวที่มีประสิทธิภาพ มีกำลังในการดูดสูง แต่ไม่ทำให้ผิวบอบช้ำ 7.กดสิว เคลียร์สิวออก ทั่วทั้งใบหน้า สำหรับสิวที่สามารถกดหรือเคลียร์ออกได้ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการทำทรีทเม้นต์ปัญหาสิวโดยเฉพาะ 8.ฆ่าเชื้อสิว ทั่วทั้งใบหน้า โดยใช้ high frequency เป็นตัวฆ่าเชื้อสิว โดยไม่ทำลายผิว เหมาะกับทุกสภาพผิวและไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงใดๆ 9.ฉีดสิวอักเสบ ติดเชื้อ เป็นหนอง พร้อมกดออก เพื่อทำลายเชื้อโรคและลดการอักเสบ บวมแดง ให้สิวแห้งลง หายไปอย่างรวดเร็ว ทำโดยแพทย์หรือพยาบาลผู้เชี่ยวชาญ 10.ทาและมาร์คยาชาทั่วใบหน้า หรือบริเวณที่มีปัญหาสิว ทิ้งไว้ 30-45 นาที 11.ฉีดยาเมโสสิว เข้าชั้นใต้ผิวตื้นๆ ทั่วใบหน้า เพื่อลดการเกิดสิว รักษาสิวที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ให้อักเสบ ไม่ให้เพิ่มมากขึ้นแต่ทำให้มีปริมาณลดลงอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ทำครั้งแรก พร้อมกับลดความมันบนใบหน้า 12.มาร์คหน้า ฆ่าเชื้อสิว ผ่อนคลายความตึงเครียดของผิว พร้อมลดรอยแดงหลังการรักษา 13.LED mask เพิ่มภูมิต้านทานให้แก่ผิว ทำให้ผิวแข็งแรงทนต่อมลภาวะ อนุมูลอิสระและเชื้อโรคต่างๆ 14.ทาเจลบำรุงและเจลกะนแดด สูตรเฉพาะสำหรับผู้มีปัญหาสิว 15.ถ่ายรูปหลังทำทันที เก็บไว้เป็นประวัติ เพื่อการวางแผนการรักษาในครั้งต่อไป ให้เห็นความคืบหน้า ความเปลี่ยนแปลงหรือประสิทธิภาพหลังการดูแลด้วยโปรแกรม Acne Complete Care ใช้เวลาในการทำต่อ 1 ครั้ง 👏👏 - 2 ชม. ถึง 2 ชม.ครึ่ง #โบท็อก #ร้อยไหม #ฟิลเลอร์ #เมโสฝ้าหน้าใส #วิตามินผิวขาว #แฟตตัว #แฟตหน้า #ลดเฉพาะสัดส่วน #กำจัดขี้แมลงวัน #กำจัดไฝ #รักษาสิว #คลินิคความงามตราด #โดยทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณและความงามมากประสบการณ์ สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ☎Phone: 039-614 624 📲Mobile phone: 095 797 1835 📟ID Line : @sindellaclinic เปิดบริการ ทุกวัน จันทร์-อาทิตย์ เวลา 10.00 น. - 21.00 น. https://line.me/R/ti/p/%40sindellaclinic 💢ใบอนุญาติ เลขที่23101000260💢

Timeline Photos
facebook.com

👉Jet Bright Therapy👈 #ทำเสร็จปุ๊ป #หน้าใสปั๊ป 😂😂พูดกันแต่เรา🗣🗣

👉Jet Bright Therapy👈
#ทำเสร็จปุ๊ป  #หน้าใสปั๊ป 😂😂พูดกันแต่เรา🗣🗣
facebook.com

Timeline Photos

#ฝ้าเกิดจากอะไร ฝ้า เป็นความผิดปกติของการสร้างเม็ดสีเมลานินใต้ผิวหนัง เห็นเป็นปื้นสีน้ำตาลหรือเทา เกิดที่แก้มหน้าผาก จมูกและคาง มักจะเป็นเท่า ๆ กันทั้ง 2 ข้าง ผิวหนังบริเวณที่เป็น จะเป็นปกติไม่มีการอักเสบ ไม่มีขุย มักพบในผู้หญิง จากลักษณะการกระจายของฝ้าแบ่งได้เป็น 3 แบบ คือ 1. centrofacial pattern เป็นรอยฝ้าบริเวณแก้ม หน้าผาก หนวด จมูก และคาง พบประมาณร้อยละ 63 2. malar pattern เป็นรอยฝ้าที่แก้มและจมูก พบประมาณร้อยละ 21 3. mandibular pattern เป็นรอยฝ้าบริเวณด้านข้างของคาง ขากรรไกรล่าง พบประมาณร้อยละ 16 ลักษณะการกระจายของฝ้าทั้ง 3 แบบ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอายุผู้ป่วย ลักษณะผิว การกินยาคุมหรือการตั้งครรภ์ ปกติ เซลล์สร้างเม็ดสีจะอยู่ในผิวชั้นหนัง กำพร้าเท่านั้น แต่ในตัวผิวชั้นหนังกำพร้าเอง ก็ยังมีชั้นย่อยอีกหลายชั้น เมลานินอาจจะอยู่ชั้นใดชั้นหนึ่งที่ลึก ตื้น ไม่เท่ากันในแต่ละคน อาจจะอยู่กระจุก กระจาย แตกต่างกันไป ทำให้ฝ้าแต่ละคนเข้มไม่เท่ากัน เราเรียกฝ้าที่เกิดจากการเพิ่มต้วของเมลานินในชั้นหนังกำพร้านี้ว่า 💢" ฝ้าตื้น (epidermal type) หรือ Epidermal Melasma " ฝ้าชนิดนี้จะตอบสนองดีต่อ whitening หรือการทำไอออนโตผลักไวเทนนิ่งหรือตัวยาอื่นๆเข้าผิวหนัง ฝ้า อีกประเภทที่ควรทราบ 💢" ฝ้าลึก(dermal type) หรือ Dermal melasma " เป็นฝ้าที่เกิดขึ้นจากการมีเซลล์เม็ดสีที่ชื่อ " melanophage" อยู่ในผิวชั้นหนังแท้ (ชั้น dermis) รอบๆหลอดเลือด ฝ้าชนิดนี้รักษายาก ไม่ตอบสนองต่อไวเทนนิ่งที่ทาภายนอก หรือแม้แต่การใช้หัตถการทางการแพทย์ก็มักจะได้ผลไม่ดีนัก ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ใช้ครีมรักษาฝ้า ยังไงก็ไม่ได้ผล อาจจะเป็นไปได้ว่า ฝ้าที่เป็นอยู่ เป็นฝ้าลึก บาง คนอาจจะเป็นผสมทั้งฝ้าลึกและฝ้าตื้น (mixed type) พอ ใช้ครีม เซรั่มรักษาฝ้า ก็จะดูตอบสนองดีในช่วงแรกๆ เพราะฝ้าตื้นได้รับการรักษา แต่ฝ้าลึกมันลึกเกินกว่าครีมทาภายนอกจะซึมเข้าไปถึง ก็พลอยทำให้หลายๆคนคิดว่าครีมที่ใช้มันไม่ work อีกต่อไป การ แยกฝ้าตื้นและฝ้าลึก ไม่สามารถแยกได้ด้วยตาเปล่า ต้องใช้ wood's lamp ส่อง หมอผิวหนังที่เชี่ยวชาญจะสามารถวินิจฉัยประเภทฝ้าได้ ถ้าใครเป็นฝ้าลึก แพทย์อาจจะแนะนำให้ใช้ยารักษาฝ้าชนิดแรง เช่น กรดวิตามินเอ ไฮโดรควิโนน laser โดยอยู่ในความควบคุมของแพทย์ ไม่ควรรักษาฝ้าลึกด้วยตนเอง อาจจะทำให้เป็นฝ้าถาวรหรือผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีขาว (ด่างขาว เหมือนคนเผือก) ถาวรได้คะ #สาเหตุของฝ้า สาเหตุที่แท้จริงยังไม่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อกันว่ามีสาเหตุหลักจาก 3 ปัจจัยคือ 1. แสงแดด ที่ สำคัญคือรังสี Ultraviolet ทำให้เกิด peroxidation ของ lipids ใน cellular membranes เกิด free radicals ซึ่งไปกระตุ้น melanocytes ให้สร้าง melanin มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ultraviolet-B (290-320 nm) หรือ ultraviolet-A และ visible radiation (320-700 nm) สามารถกระตุ้น melanocytes ได้ทั้งสิ้น แต่ UVB มีพลังงานสูงจึงทำให้เกิดฝ้าได้ง่ายสุด รังสี ยูวีเอ บี มีผลในการกระตุ้นการทำงานของเซลล์เม็ดสีโดยตรง คนที่อยู่กลางแดดนานๆ เช่น ชาวไร่ชาวนา กรรมกรก่อสร้าง ก็จะมีโอกาสเป็นฝ้ามากกว่าคนที่อยู่ในร่ม แสงแดดยังทำให้ฝ้าที่เป็นอยู่ เข้มขึ้น จางลงตามปริมาณแดดที่สัมผัสด้วย 2. ฮอร์โมนเอสโตรเจน เมื่อ ไรก็ตามที่ระดับฮอร์โมนนี้ในร่างกายขึ้นสูง ก็จะสามารถกระตุ้นเซลล์สร้างสีเมลาโนไซท์ให้เกิดฝ้าขึ้น ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีมากในเพศหญิง และจะเพิ่มขึ้นสูงในระยะตั้งครรภ์ และขึ้นลงในวัยหมดประจำเดือน หรือคนที่ระบบประจำเดือนไม่สม่ำเสมอ เราจึงพบว่าฝ้ามักพบในคนที่ตั้งครรภ์หรือช่วงอายุสี่-ห้าสิบปี หรือคนที่ประจำเดือนผิดปกติ นอกจากนี้ยังพบฮอร์โมนนี้ ในยาคุมกำเนิดทั้งหลายทุกยี่ห้อ เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นกลไกสำคัญในการคุมกำเนิด จะสังเกตได้ว่าคนที่ทานยาคุมกำเนิดตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป มักมีปัญหาเรื่องฝ้า บางคนเพียง 1 – 2 แผง ร่วมกับการตากแดดมากก็มีฝ้าขึ้นแล้ว เข้าใจว่าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสมดุลย์ของฮอร์โมน ซึ่งยังไม่ทราบว่าตัวใด อาจจะเป็น estrogen หรือ progesterone ที่มีอยู่ในยาคุมกำเนิด จาก การศึกษาการเกิดฝ้าในสตรีที่รับ ประทานยาคุมชนิด sequential (ยาคุมรุ่นเก่า เช่น แอนนา วันเดย์ ยาคุมกลุ่มนี้จะมีราคาถูก 15-20 บาท/ แผง ใน 15 เม็ดแรกจะมีส่วนผสมของโปรเจสเตอโรนอย่างเดียว อีก 6 เม็ดที่เหลือเป็นเอสโตรเจน) เปรียบเทียบกับชนิด combine pills (ยาคุมรุ่นหลังที่ในแต่ละเม็ดจะมีฮอร์โมนเอสโตรเจน+โปรเจสเตอโรนในเม็ดเดียว กัน) พบว่าทั้ง 2 กลุ่มไม่ต่างกัน จึงบอกไม่ได้ว่าระหว่าง ฮอร์โมนเอสโตรเจน และ ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนใน ตัวใดกันแน่ที่ทำให้เกิดฝ้า ฮอร์โมน อีกตัวที่มีบทบาทต่อการเกิดฝ้า คือ MeSH หรือ melanocyte stimulating hormone เป็นฮอร์โมนที่หลั่งจากต่อมใต้สมองส่วนกลาง สร้างจากเซลล์เมลาโนไซท์ (melanotropic cell) เป็นตัวกระตุ้นให้มีการสร้างเม็ดสีเมลานิน(melanin pigment ) ที่ผิวหนัง โดยกระตุ้นการกระจาย ของเมลานิน (melanin) ในเมลาโนไซท์ถ้าขาด MSH ผิวหนังจะซีดขาว ถ้า MSH มากเกินไปผิวหนังจะเข้มดำ ฮอร์โมน เอสโตรเจนกลายเป็นผู้ร้ายที่ถูกกล่าว หามาตลอด ทั้งที่จริงแล้ว ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าเกิดจากฮอร์โมนตัวใด ลำพังฮอร์โมนเอสโตรเจนอย่างเดียวไม่เป็นสาเหตุที่ทำให้เป็นฝ้าได้ อย่างฮอร์โมนทดแทนที่ให้สตรีวัยหมดประจำเดือนซึ่งมีส่วนผสมของเอสโตรเจน เพียวๆ ก็ไม่ทำให้คนที่รับประทานเป็นฝ้าแต่อย่างใด ถ้า ใครเป็นฝ้าที่เกิดจากฮอร์โมน = ฝ้าเกิดขึ้นระหว่างการตั้งครรภ์ เป็นฝ้าช่วงที่รับประทานยาคุมกำเนิด เมื่อหมดการกระตุ้นจากฮอร์โมน ได้แก่ ระยะหลังคลอด หรือหลังหยุดยา ฝ้าที่เป็นอยู่มีโอกาสหายขาดไปได้มากกว่าฝ้าฮอร์โมนแบบอื่น (ฝ้าที่เกิดจาก การแกว่งขึ้นลงของฮอร์โมนในรอบเดือนปกติของแต่ละคน) ฮอร์โมน เอสโตรเจนมีมากในเพศหญิง ชายมีน้อยกว่า ผู้ชายก็เลยไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องฝ้า เว้นแต่ผู้ที่ถูกแดดมากๆ เช่น ทหาร ตำรวจชายแดน ก็อาจจะพัฒนาไปเป็นฝ้าได้เช่นกันคะ 3. พันธุกรรม เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง เนื่องจากมีรายงานว่าคนในครอบครัวเดียวกันจะเป็นฝ้าเหมือนกันได้ถึง 30 – 50% และยังพบฝ้าได้บ่อยในคน Hipanics และ Asian อย่างไรก็ตาม อุบัติการณ์ดังกล่าวอาจเป็นผลมาจากพันธุกรรม หรือเป็นผลมาจากสภาพแวดล้อม แสงแดด ยังไม่สามารถยืนยันได้ สาเหตุอื่นๆ เช่น แพ้เครื่องสำอาง ยา phenytoin (ชื่อการค้า Dilantin อาจทำให้เกิดผื่นดำดูคล้ายฝ้า) ขาดวิตามินบี 12

Timeline Photos
facebook.com

RUN Real

เจอแบบนี้สิช๊อบชอบ😬😬 #กดสิวทั่วหน้าครั้งละ300น๊าจ๊า

facebook.com

Sindella Clinic Trat's cover photo

#Sindella #Clinic #แบรนด์ไม่ดังแต่วัดกันที่คุณภาพ #ใส่ใจทุกเคส #ผิวคุณก้อเหมือนผิวเรา🤘🤘 #รีวิวพลีชีพแน่นมากอยากรู้ addเลย: @sindellaclinic

Sindella Clinic Trat's cover photo
facebook.com

Timeline Photos

วันนี้วันเดวเท่านั้นน๊าจ๊า😘😘

Timeline Photos
facebook.com

Sindella Clinic Trat's cover photo

Sindella Clinic Trat's cover photo
facebook.com

เปิดรับสมัคร📢📢 💢มาร์เกตติ้งออนไลน์ 1ตำแหน่ง 💢พนักงานขายหน้าร้าน 1ตำแหน่ง วุฒิ ปวช.หรือ ม.6ขึ้นไป รายได้ดี 💸#เงินเดือน+คอมมิสชั่น+ประกันสังคม +OT+โบนัสรายปี สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 💥ซินเดลล่าคลินิค💥 ☎Phone: 039-614 624 📲Mobile phone: 095 797 1835 📟ID Line : @sindellaclinic

facebook.com

Photos from Sindella Clinic Trat's post

พร้อมมากแค่ไหน ดูเอา💪💪30เจอกันนะจ๊ะสาวๆๆ #คัยยังไม่ได้ลงทะเบียน #รีบๆน๊า จำนวนจำกัดนะจ๊า😘

facebook.com

Timeline Photos

คัยเปนเหมือน แอด บ้าง ยกมือขึ้น🤘🤘

Timeline Photos
facebook.com

Quiz

NEAR Sindella Clinic Trat