Top Local Places

จิตรฟ้า

607/2 ในปั๊มบางจาก ปากซอยพระรามสอง 85 ถ.พระราม 2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน, Bangkok, Thailand
Convenience Store

Description

ad

จิตรฟ้า  จำหน่ายสินค้าเพื่อสุขภาพ ร้านจิตรฟ้า กาญจนาภิเษก จำหน่ายสินค้าเพื่อสุขภาพหลากหลายยี่ห้อ เช่น สินค้าโครงการหลวง ดอยคำ ภูฟ้า จิตรลดา ดอยตุง และยี่ห้ออื่นๆอีกมากมาย

ประกอบด้วยสินค้าประเภทต่างๆ เช่น ธัญพืช, ผลิตภัณฑ์และเครื่องดื่มจากสมุนไพร, น้ำมันมะพร้าว, น้ำมันมะรุม, น้ำมันทานตะวัน, น้ำมันมะกรูด, สินค้าเกษตรอินทรีย์, ข้าวกล้อง, น้ำผึ้งแท้, น้ำผลไม้, กาแฟดีท็อกซ์,  เครื่องสำอาง เป็นต้น

ให้คุณสามารถเดินเลือกซื้อสินค้าได้อย่างสบายใจ ในบรรยากาศเป็นกันเอง

RECENT FACEBOOK POSTS

facebook.com

ร้าน จิตรฟ้า ทุกสาขา ขอปิดให้บริการวันพฤหัสบดีที่ 26 ตุลาคม พ.ศ.2560 เป็นเวลา 1 วัน เนื่องในวันพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช On October 26th, 2017 All Jitfa shop will close for the Royal Cremation Ceremony for His Majesty King Bhumibol Adulyadej.

facebook.com

กลมกลืน

facebook.com

น้ำพริกเผา Homemade Thai Kitchen by Joe มีจำหน่ายแล้วที่ร้าน จิตรฟ้า ทุกสาขา

facebook.com

สบู่ Bico Natural Cafemade มีจำหน่ายแล้วที่ ร้่านจิตรฟ้า ทุกสาขา # Bico

facebook.com

มีข้อควรระวังการใช้ยาแก้ปวดประจำเดือนอย่างไร? มีข้อควรระวังการใช้ยาแก้ปวดประจำเดือน เช่น 1. ระวังการเกิดผลข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหาร (เช่น ปวดท้องมาก, มีเลือดออกในระบบทางเดินอาหาร) จากการใช้ยากลุ่ม NSIADs ในผู้ป่วยดังต่อไปนี้ คือ ผู้ที่มีประวัติเคยเป็นแผลหรือเลือดออกในทางเดินอาหาร, ผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี, ใช้ยากลุ่มนี้ในขนาดสูง, ใช้ยากลุ่ม NSIADs ร่วมกับยากลุ่ม Corticosteroids, ใช้ยากลุ่ม NSIADs ร่วมกับยาต้านการแข็งตัวของเลือด, ใช้ยา กลุ่ม NSAIDs ร่วมกันตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไป 2. ระวังการใช้ยา Celecoxib และ Etoricoxib ในผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง หรือโรคหัวใจ เพราะอาจทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด หรือกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้ 3. ระวังการใช้ยาคุมกำเนิดที่มีส่วนประกอบของฮอร์โมน Estrogen ในผู้ป่วยภาวะความดันโลหิตสูงที่คุมอาการไม่ได้ เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนของโรคหลอดเลือดหัวใจ , โรคไมเกรนชนิดมีอาการเตือน (Migraine with aura) เพราะอาจทำให้อาการของโรคแย่ลง โดยสามารถพิจารณาเลือกใช้เป็นยาคุมกำเนิดชนิดที่มีแต่โปรเจสเตอโรนอย่างเดียวแทน 4. ระวังการใช้ยากลุ่ม GnRH-agonist ในผู้ป่วยที่มีการทำงานของตับหรือของไตผิดปกติ 5. ระวังการใช้ยา Danazol ในผู้ป่วย โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคลมชัก โรคไมเกรนโรคไขมันในเลือดสูง เป็นโรคมะเร็งโดยเฉพาะ มะเร็งบริเวณเต้านม 6. เมื่อมีอาการปวดประจำเดือน หากผู้ป่วยรับประทานยากลุ่ม NSIADs ซึ่งเป็นยาที่ใช้บรรเทาอาการปวดทั่วๆไป แล้วอาการยังไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์/ไปโรงพยาบาล เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวดต่อไป Reference : http://haamor.com/th/ยาแก้ปวดประจำเดือน/#article106 สามารถใช้สมุนไพรอะไรทดแทนได้บ้าง ดีกว่าอย่างไร -ใบสะระแน่ นำสะระแน่แห้งมาบดให้เป็นผง นำมาผสมกับน้ำผึ้ง 1ช้อนชา ทานวันละ3ครั้ง หรือชงดื่มร้อนๆ จะช่วยบรรเทาอาการปวดท้องได้ -ขมิ้น โดยน้ำขมิ้นผงมาชงดื่มกับน้ำร้อน ซึ่งการรับประทานขมิ้นเป็นประจำจะช่วยบำรุงมดลูก ลดการอักเสบเวลาเป็นรอบเดือน -ว่านหางจระเข้ นำวุ้นว่านหางจระเข้ผสมกับน้ำผึ้ง 1ช้อนชา ดื่มทุกวันหลังมื้อเช้า ก็จะทำให้การตกไข่เป็นปกติ -ลูกผักชี นำลูกผักชีมาต้นในช่วงเป็นรอบเดือน ดื่มวันละ3 ครั้ง แต่สำหรับคนที่เป็นโรคไตควรหลีกเลี่ยงวิธีนี้ เพราะลูกผักชีมีโพแทสเซียมสูง -ขิง นำขิงสดไปต้มในน้ำเดือด แล้วนำมาดื่ม3เวลาหลังอาหาร แล้วจะพบการเปลี่ยรแปลงที่ดีขึ้น เพียงเท่านี้ปัญหาปวดท้องในขณะที่มีรอบเดือนก็จะหายไป ไม่ต้องเสียเงินมากมายเพื่อซื้อยา และกลับมาเป็นปัญหากวนใจอย่างแน่นอน การใช้สมุนไพรแทนการใช้ยา ดีกว่าที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติ ไม่มีการสกัด ปรุงแต่ง โดยการใช้สารเคมี ทำให้ผู้ใช้ปลอดภัยจากสารปนเปื้อน และยังไม่สะสมสารเคมีที่ก่อให้เกิดโรคต่างๆ Reference: http://www.share-si.com/2016/06/5_7.html

facebook.com

วิธีบรรเทาปวดประจำเดือนอย่างได้ผล 1. ออกกำลังกาย ควรออกกำลังกายอยางสม่ำเสมอ ไม่ใช่แค่ออกกำลังเฉพาะช่วงเป็นประจำเดือนนะคะ แม้จะเป็นเรื่องลำบากยากเย็นสำหรับสาวๆหลายคน แต่เชื่อเถอะค่ะ การออกกำลังกายบ้าง แม้จะแค่การยืดเส้นยืดสาย ทำทุกๆวัน ร่างกายเราเคยชิน และเราจะอยากทำมากขึ้น ในช่วงที่เป็นประจำเดือนแม้เราจะไม่อยากขยับตัวเพราะรู้สึกไม่ค่อยสบาย แต่การได้ออกกำลังกายเบาๆ บิดตัวบ้าง โยคะเบาๆ จะช่วยเราได้เยอะเลยค่ะ 2. ดื่มน้ำเยอะๆ เรารู้กันดีค่ะว่าน้ำมีประโยชน์มากๆ เมื่อไรที่รู้สึกปวดท้อง ให้จิบน้ำบ่อยๆ น้ำอุ่นหรือร้อน จะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี และช่วยให้เราผ่อนคลาย หรืออาจจะหายปวดไปชั่วขณะเลยก็ได้นะคะ หรือถ้าเป็นสาวที่ไม่ชอบดื่มน้ำ ลองหาผลไม้ที่น้ำเยอะๆ เช่นแตงโม สาลี่ ชมพู่ มาทานแต่ไม่ต้องแช่เย็นนะคะ เพราะหลายคนรู้สึกปวดท้องมากขึ้นเมื่อดื่มน้ำเย็นๆหรือทานของเย็นๆค่ะ 3. ประคบถุงน้ำร้อนช่วยได้ เป็นการผ่อนคลายที่ดีมากทีเดียว นอนลงแล้วเอาผ้ารองไว้สักชั้นก่อนจะวางถุงน้ำร้อนไว้บนหน้าท้องของเรา นอนพักผ่อนแล้วจะค่อยๆดีขึ้นค่ะ 4. ทานอาหารที่มีโพแทสเซียมเยอะๆ กล้วยเป็นผลไม้ที่หาได้ง่ายๆในเมืองไทยและเป็นผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง การทานกล้วยในช่วงตั้งแต่ก่อนมีรอบเดือนจะช่วยให้เราลดความทรมานนี้ได้ บางคนทานในช่วงที่เป็นประจำเดือนแล้วมักจะเห็นผลช้า แต่ถ้าเราทานบ่อยๆจนชิน และเมื่อเริ่มเป็นประจำเดือนและรู้ว่าเราจะปวดช่วงไหนให้ทานไว้ก่อนค่ะ หรือจะชงน้ำขิงดื่มระหว่างวันด้วยก็ได้ เพราะของก็มีโพแทสเซียมสูงเช่นกัน และดื่มน้ำขิงร้อนๆเราก็สบายท้องด้วยค่ะ 5.หลีกเลี่ยงกาเฟอีน กาเฟอีน เป็นสารแซนทีนอัลคาลอยด์ที่พบได้ในกาแฟ โคล่า ชา น้ำอัดลม รวมถึงในช็อกโกแลตด้วย ดังนั้น คุณผู้หญิงควรหลีกเลี่ยงอาหารพวกนี้ โดยเฉพาะช่วงก่อนและระหว่างที่ประจำเดือนมา เพราะกาเฟอีนมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ซึ่งมันจะทำให้อาการปวดในช่องท้องของคุณหนักหนาสาหัสมากขึ้นอีกนะ 6. แช่น้ำอุ่น/น้ำร้อน น้ำอุ่นจัดๆ จะช่วยคลายกล้ามเนื้อเราได้ดีค่ะ ถ้าที่บ้านมีอ่างอาบน้ำ ให้ผสมน้ำให้อุ่นจัดสักหน่อยและลงแช่ค่ะ จะดีขึ้นภายในระยะเวลาไม่นาน 7. ห้ามขาดแคลเซียม ถ้าอายุยังน้อยๆกันอยู่ การดื่มนมทุกวันนอกจากจะส่งผลเรื่องกระดูกให้แข็งแรง ยังช่วยไม่ให้เราปวดท้องประจำเดือนแบบรุนแรงด้วยนะคะ หรืออาจจะหาแคลเซียมเม็ดมาทานเสริมด้วยก็ได้ค่ะ 8. ทานยา ถ้าปวดจนทนไม่ไหว ไม่จำเป็นต้องอดทนค่ะ ให้ทานยาและนอนพักสักหน่อย เคล็ดลับก็คือให้รีบทานตอนเริ่มรู้สึกปวดประจำเดือนน้อยๆ ก่อนที่จะลุกลามไปปวดแบบเยอะๆ เพียงเท่านี้ไม่นานก็จะหายค่ะ แต่ถ้าพอทนไหวอาจจะต้องทนนะคะ เพราะจากประสบการณ์ของหลายๆคน เมื่อทานยาแก้ปวด ถึงจุดหนึ่งจะเริ่มไม่หายและต้องเพิ่มปริมาณยาค่ะ 9. หาหมอ หากเราปวดจนทำอะไรไม่ได้ ต้องลางานทุกเดือน หรือเป็นลมบ่อยๆ ไม่ใช่อาการที่ปกติเท่าไรของการมีรอบเดือนนะคะ ลองปรึกษาคุณหมอก่อนว่าอาการของเราปกติหรือไม่ คุณหมอจะมีคำแนะนำที่ตรงกับปัญหาของเราค่ะ Reference: http://www.girlsallaround.com/relief-cramps/

facebook.com

วันเข้าพรรษา วันเข้าพรรษา 25560 ตรงกับวันที่ 9 กรกฎาคม วันนี้เรามี ประวัติวันเข้าพรรษา ความสำคัญและกิจกรรมมาฝาก � 9 กรกฎาคม 2560 คือวันสำคัญทางพุทธศาสนานั่นก็คือ "วันเข้าพรรษา" ซึ่งเป็นวันที่พระสงฆ์เถรวาทจะอธิษฐานว่าจะพักประจำอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ตลอดระยะเวลาฤดูฝนที่มีกำหนดเป็นระยะเวลา 3 เดือน ตามที่พระธรรมวินัยบัญญัติไว้ โดยไม่ไปค้างแรมที่อื่น หรือที่เรียกติดปากกันโดยทั่วไปว่า "จำพรรษา" นั่นเอง ประวัติวันเข้าพรรษา "เข้าพรรษา" แปลว่า "พักฝน" หมายถึง พระภิกษุสงฆ์ต้องอยู่ประจำ ณ วัดใดวัดหนึ่งระหว่างฤดูฝน โดยเหตุที่พระภิกษุในสมัยพุทธกาล มีหน้าที่จะต้องจาริกโปรดสัตว์ และเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนแก่ประชาชนไปในที่ต่าง ๆ ไม่จำเป็นต้องมีที่อยู่ประจำ แม้ในฤดูฝน ชาวบ้านจึงตำหนิว่าไปเหยียบข้าวกล้าและพืชอื่น ๆ จนเสียหาย พระพุทธเจ้าจึงทรงวางระเบียบการจำพรรษาให้พระภิกษุอยู่ประจำที่ตลอด 3 เดือน ในฤดูฝน คือ เริ่มตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี เรียกว่า "ปุริมพรรษา" ถ้าปีใดมีเดือน 8 สองครั้ง ก็เลื่อนมาเป็นวันแรม 1 ค่ำ เดือนแปดหลัง และออกพรรษาในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 เรียกว่า "ปัจฉิมพรรษา" เว้นแต่มีกิจธุระคือเมื่อเดินทางไปแล้วไม่สามารถจะกลับได้ในเดียวนั้น ก็ทรงอนุญาตให้ไปแรมคืนได้ คราวหนึ่งไม่เกิน 7 คืน เรียกว่า "สัตตาหะ" หากเกินกำหนดนี้ถือว่าไม่ได้รับประโยชน์แห่งการจำพรรษา จัดว่าพรรษาขาด สำหรับข้อยกเว้นให้ภิกษุจำพรรษาที่อื่นได้ โดยไม่ถือเป็นการขาดพรรษา เว้นแต่เกิน 7 วัน ได้แก่ 1. การไปรักษาพยาบาลภิกษุ หรือบิดามารดาที่เจ็บป่วย 2. การไประงับภิกษุสามเณรที่อยากจะสึกมิให้สึกได้ 3. การไปเพื่อกิจธุระของคณะสงฆ์ เช่น การไปหาอุปกรณ์มาซ่อมกุฏิที่ชำรุด 4. หากทายกนิมนต์ไปทำบุญ ก็ไปฉลองศรัทธาในการบำเพ็ญกุศลของเขาได้ นอกจากนี้หากระหว่าง เดินทางตรงกับวันหยุดเข้าพรรษาพอดี พระภิกษุสงฆ์เข้ามาทันในหมู่บ้านหรือในเมืองก็พอจะหาที่พักพิงได้ตามสมควร แต่ถ้ามาไม่ทันก็ต้องพึ่งโคนไม้ใหญ่เป็นที่พักแรม ชาวบ้านเห็นพระได้รับความลำบากเช่นนี้ จึงช่วยกันปลูกเพิง เพื่อให้ท่านได้อาศัยพักฝน รวมกันหลาย ๆ องค์ ที่พักดังกล่าวนี้เรียกว่า "วิหาร" แปลว่า ที่อยู่สงฆ์ เมื่อหมดแล้ว พระสงฆ์ท่านออกจาริกตามกิจของท่านครั้ง ถึงหน้าฝนใหม่ท่านก็กลับมาพักอีก เพราะสะดวกดี แต่บางท่านอยู่ประจำเลย บางทีเศรษฐีมีจิตศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ก็เลือกหาสถานที่สงบเงียบไม่ห่างไกลจากชุมชนนัก สร้างที่พัก เรียกว่า "อาราม" ให้เป็นที่อยู่ของสงฆ์ดังเช่นปัจจุบันนี้ ทั้งนี้ โดยปกติเครื่องใช้สอยของพระตามพุทธานุญาตให้มีประจำตัวนั้น มีเพียงอัฐบริขาร อันได้แก่ สบง จีวร สังฆาฏิ เข็ม บาตร รัดประคด หม้อกรองน้ำ และมีดโกน และกว่าพระท่านจะหาที่พักแรมได้ บางทีก็ถูกฝนต้นฤดูเปียกปอนมา ชาวบ้านที่ใจบุญจึงถวายผ้าอาบน้ำฝนสำหรับให้ท่านได้ผลัดเปลี่ยน และถวายของจำเป็นแก่กิจประจำวันของท่านเป็นพิเศษในเข้าพรรษา นับเป็นเหตุให้มีประเพณีทำบุญเนื่องในวันนี้สืบมา อย่างไรก็ตาม แม้การเข้าพรรษาจะเป็นเรื่องของพระภิกษุ แต่พุทธศาสนิกชนก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้ทำบุญรักษาศีล และชำระจิตใจให้ผ่องใส ก่อนวันเข้าพรรษาชาวบ้านก็จะไปช่วยพระทำความสะอาดเสนาสนะ ซ่อมแซมกุฏิวิหารและอื่น ๆ พอถึงวันเข้าพรรษาก็จะไปร่วมทำบุญตักบาตร ถวายเครื่องสักการะบูชา ดอกไม้ ธูปเทียน และเครื่องใช้ เช่น สบู่ ยาสีฟัน เป็นต้น พร้อมฟังเทศน์ ฟังธรรม และรักษาอุโบสถศีลกันที่วัด บางคนอาจตั้งใจงดเว้นอบายมุขต่าง ๆ เป็นกรณีพิเศษ เช่น งดเสพสุรา งดฆ่าสัตว์ เป็นต้น อนึ่ง บิดามารดามักจะจัดพิธีอุปสมบทให้บุตรหลานของตน โดยถือกันว่าการเข้าบวชเรียนและอยู่จำพรรษาในระหว่างนี้จะได้รับอานิสงส์ อย่างสูง นอกจากนี้ ยังมีประเพณีสำคัญที่ขาดไม่ได้เลย คือ "ประเพณีหล่อเทียนเข้าพรรษา" ประเพณีที่กระทำกันเมื่อใกล้ถึงฤดูเข้าพรรษา ซึ่งมีมาตั้งแต่โบราณกาล การหล่อเทียนเข้าพรรษานี้ มีอยู่เป็นประจำทุกปี เพราะในระยะเข้าพรรษา พระภิกษุจะต้องมีการสวดมนต์ทำวัตรทุกเช้า�เย็น และในการนี้จะต้องมีธูป-เทียนจุดบูชาด้วย พุทธศาสนิกชนทั้งหลายจึงพร้อม ใจกันหล่อเทียนเข้าพรรษาสำหรับให้พระภิกษุจุดเป็นการกุศลทานอย่างหนึ่ง เพราะเชื่อกันว่าในการให้ทานด้วยแสงสว่าง จะมีอานิสงส์เพิ่มพูนปัญญาหูตาสว่างไสว ตามชนบทนั้น การหล่อเทียนเข้าพรรษาทำกันอย่างเอิกเกริกสนุกสนานมาก เมื่อหล่อเสร็จแล้ว ก็จะมีการแห่แหนรอบพระอุโบสถ 3 รอบ แล้วนำไปบูชาพระตลอดระยะเวลา 3 เดือน บางแห่งก็มีการประกวดการตกแต่ง มีการแห่แหนรอบเมืองด้วยริ้วขบวนที่สวยงาม โดยถือว่าเป็นงานประจำปีเลยทีเดียว กิจกรรมต่าง ๆ ที่ควรปฏิบัติในวันเข้าพรรษา - ร่วมกิจกรรมทำเทียนจำนำพรรษา - ร่วมกิจกรรมถวายผ้าอาบน้ำฝน และจตุปัจจัย แก่พระภิกษุสามเณร - ร่วมทำบุญ ตักบาตร ฟังธรรมเทศนา รักษาอุโบสถศีล - อธิษฐานงดเว้นอบายมุขต่าง ๆ Reference: https://hilight.kapook.com/view/13698

facebook.com

Timeline Photos

วันอาสาฬหบูชา วันอาสาฬหบูชา 2560 ตรงกับวันเสาร์ที่ 8 กรกฎาคม โดยวันอาสาฬหบูชา คือวันที่พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงธรรมเทศนา หรือหลักธรรมที่ทรงตรัสรู้เป็นครั้งแรก � � สำหรับพุทธศาสนิกชนทุกคน คงทราบกันดีว่า ทุกวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี จะตรงกับวันสำคัญทางพุทธศาสนาอีกหนึ่งวัน นั่นคือ "วันอาสาฬหบูชา" ทั้งนี้ คำว่า "อาสาฬหบูชา" สามารถอ่านได้ 2 แบบ คือ อา-สาน-หะ-บู-ชา หรือ อา-สาน-ละ-หะ-บู-ชา ซึ่งจะประกอบด้วยคำ 2 คำ คือ อาสาฬห ที่แปลว่า เดือน 8 ทางจันทรคติ กับคำว่า บูชา ที่แปลว่า การบูชา เมื่อนำมารวมกันจึงแปลว่า การบูชาในเดือน 8 หรือการบูชาเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในเดือน 8 วันอาสาฬหบูชา คือวันที่พระพุทธเจ้าได้ทรงประกาศพระพุทธศาสนาเป็นครั้งแรก หลังจากตรัสรู้ได้ 2 เดือน โดยแสดงปฐมเทศนาโปรดพระปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ได้แก่ พระโกณฑัญญะ พระวัปปะ พระภัททิยะ พระมหานามะ และพระอัสสชิ ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี แคว้นมคธ จนพระอัญญาโกณฑัญญะ ได้บรรลุธรรมและขอบวชเป็นพระภิกษุรูปแรกในพระพุทธศาสนา จึงถือว่าวันนี้มีพระรัตนตรัยครบองค์สามบริบูรณ์ครั้งแรกในโลก คือ มีทั้งพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนพุทธศักราช 45 ปี ทั้งนี้พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 เรียกว่า "ธัมมจักกัปปวัตนสูตร" แปลว่า พระสูตรแห่งการหมุนวงล้อธรรม ซึ่งหลังจากปฐมเทศนา หรือเทศนากัณฑ์แรกที่พระองค์ทรงแสดงจบลง พระอัญญาโกณฑัญญะก็ได้ดวงตาเห็นธรรม สำเร็จเป็นพระโสดาบัน จึงขออุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าก็ได้ประทานอุปสมบทให้ด้วยวิธีที่เรียกว่า "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" พระโกณฑัญญะจึงได้เป็น พระอริยสงฆ์องค์แรกในพระพุทธศาสนา ต่อมา พระวัปปะ พระภัททิยะ พระมหานามะ และพระอัสสชิ ก็ได้ดวงตาเห็นธรรม และได้อุปสมบทตามลำดับ สำหรับใจความสำคัญของการปฐมเทศนา มีหลักธรรมสำคัญ 2 ประการ คือ � 1. มัชฌิมาปฏิปทา หรือทางสายกลาง เป็นข้อปฏิบัติที่เป็นกลาง ๆ ถูกต้องและเหมาะสมที่จะให้บรรลุถึงจุดหมายได้ มิใช่การดำเนินชีวิตที่เอียงสุด 2 อย่าง หรืออย่างหนึ่งอย่างใด คือ การหมกมุ่นในความสุขทางกาย มัวเมาในรูป รส กลิ่น เสียง รวมความเรียกว่าเป็นการหลงเพลิดเพลินหมกมุ่นในกามสุข หรือกามสุขัลลิกานุโยค การสร้างความลำบากแก่ตน ดำเนินชีวิตอย่างเลื่อนลอย เช่น บำเพ็ญตบะการทรมานตน คอยพึ่งอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นต้น ซึ่งการดำเนินชีวิตแบบที่ก่อความทุกข์ให้ตนเหนื่อยแรงกาย แรงสมอง แรงความคิด รวมเรียกว่า อัตตกิลมถานุโยค ดังนั้น เพื่อละเว้นห่างจากการปฏิบัติทางสุดเหล่านี้ ต้องใช้ทางสายกลาง ซึ่งเป็นการดำเนินชีวิตด้วยปัญญา โดยมีหลัก ปฏิบัติเป็นองค์ประกอบ 8 ประการ เรียกว่า อริยอัฏฐังคิกมัคค์ หรือ มรรคมีองค์ 8 ได้แก่ 1. สัมมาทิฏฐิ เห็นชอบ คือ รู้เข้าใจถูกต้อง เห็นตามที่เป็นจริง 2. สัมมาสังกัปปะ ดำริชอบ คือ คิดสุจริตตั้งใจทำสิ่งที่ดีงาม 3. สัมมาวาจา เจรจาชอบ คือ กล่าวคำสุจริต 4. สัมมากัมมันตะ กระทำชอบ คือ ทำการที่สุจริต 5. สัมมาอาชีวะ อาชีพชอบ คือ ประกอบสัมมาชีพหรืออาชีพที่สุจริต 6. สัมมาวายามะ พยายามชอบ คือ เพียรละชั่วบำเพ็ญดี 7. สัมมาสติ ระลึกชอบ คือ ทำการด้วยจิตสำนึกเสมอ ไม่เผลอพลาด 8. สัมมาสมาธิ ตั้งจิตมั่นชอบ คือ คุมจิตให้แน่วแน่มั่นคงไม่ฟุ้งซ่าน 2. อริยสัจ 4 แปลว่า ความจริงอันประเสริฐของอริยะ ซึ่งคือ บุคคลที่ห่างไกลจากกิเลส ได้แก่ 1. ทุกข์ ได้แก่ ปัญหาทั้งหลายที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ บุคคลต้องกำหนดรู้ให้เท่าทันตามความเป็นจริงว่ามันคืออะไร ต้องยอมรับรู้ กล้าสู้หน้าปัญหา กล้าเผชิญความจริง ต้องเข้าใจในสภาวะโลกว่าทุกสิ่งไม่เที่ยง มีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างอื่น ไม่ยึดติด 2. สมุทัย ได้แก่ เหตุเกิดแห่งทุกข์ หรือสาเหตุของปัญหา ตัวการสำคัญของทุกข์ คือ ตัณหาหรือเส้นเชือกแห่งความอยากซึ่งสัมพันธ์กับปัจจัยอื่น ๆ 3. นิโรธ ได้แก่ ความดับทุกข์ เริ่มด้วยชีวิตที่อิสระ อยู่อย่างรู้เท่าทันโลกและชีวิต ดำเนินชีวิตด้วยการใช้ปัญญา 4. มรรค ได้แก่ กระบวนวิธีแห่งการแก้ปัญหา อันได้แก่ มรรคมีองค์ 8 ประการดังกล่าวข้างต้น กิจกรรมวันอาสาฬหบูชา พิธีกรรมโดยทั่วไปที่นิยมกระทำในวันนี้ คือ การทำบุญ ตักบาตร รักษาศีล ฟังพระธรรมเทศนา และสวดมนต์ ในตอนค่ำก็จะมีการเวียนเทียนที่เป็นการสืบทอดประเพณีอันดีงามของไทยเรา ดังนั้น พุทธศาสนิกชนทั้งหลายควรเข้าวัด เพื่อน้อมระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย อีกทั้งยังเป็นการช่วยชะล้างจิตใจให้ปลอดโปร่งผ่องใส จะได้มีร่างกายและจิตใจที่พร้อมสำหรับการดำเนินชีวิตในยุคที่ค่าครองชีพถีบตัวสูงขึ้นอย่างนี้ Reference: https://hilight.kapook.com/view/26024

Timeline Photos
facebook.com

Timeline Photos

ปวดท้องประจำเดือนแบบไหนต้องไปหาหมอ? 1. ปวดประจำเดือนมาก โดยช่วงที่ปวดประจำเดือนแรก ๆ อาจพอทนไหว แต่ต่อมาอาการปวดประจำเดือนจะทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกเดือน และมักจะรู้สึกปวดรุนแรงในช่วง 1-2 วันแรกของการมีประจำเดือน 2. รู้สึกปวดประจำเดือนอย่างรุนแรงจนต้องรับประทานยาแก้ปวดมากกว่าวันละ 1 ครั้ง อาการปวดประจำเดือนถึงจะทุเลาลง 3. ปวดประจำเดือนรุนแรง โดยอาจมีอาการหน้ามืด เป็นลม ท้องเดิน และรู้สึกปวดท้องจนไม่สามารถลุกไปทำอะไรได้ ต้องกินยาแก้ปวดและนอนพักสักระยะจึงจะหาย 4. ปวดประจำเดือนรุนแรงขึ้นจนยาแก้ปวดเอาไม่อยู่ และต้องไปพบแพทย์ทุกครั้งที่มีประจำเดือน 5. มีอาการปวดตรงบริเวณท้องน้อยข้างขวา ติดต่อกันนานกว่า 6 ชั่วโมง มักมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย รวมทั้งหากเกิดการกระเทือน หรือกดถูกบริเวณนั้นจะมีอาการเจ็บปวด 6. ปวดและกดเจ็บตรงบริเวณท้องน้อย ร่วมกับมีอาการไข้สูง อาจมีอาการตกขาวร่วมด้วย 7. ปวดบิดเกร็งตรงบริเวณท้องน้อยข้างใดข้างหนึ่ง และมักมีอาการปวดร้าวลงมาที่ช่องคลอดข้างเดียวกัน 8. ปวดประจำเดือนมาก ร่วมกับมีเลือดออกกะปริบกะปรอย (ประจำเดือนมากกว่ากว่า 1 ครั้ง แต่ละครั้งเลือดจะออกน้อย) หรือประจำเดือนมามากกว่าปกติ . ทั้งนี้ หากรู้สึกปวดประจำเดือนแตกต่างจากที่เคยเป็น และมีอาการปวดประจำเดือนติดต่อกันนานกว่าปกติ กดบริเวณท้องน้อยแล้วรู้สึกเจ็บ มีไข้ หรือมีอาการตกขาวร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคอื่น ๆ เนื่องจากอาการปวดประจำเดือนที่รุนแรงจนถึงขั้นไม่ปกติ อาจเป็นสัญญาณของโรคได้ดังนี้ ปวดประจำเดือนผิดปกติ ส่อโรคอะไรได้บ้าง + เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ + ช็อกโกแลตซีสต์ + เลือดออกในอุ้งเชิงกราน + เนื้องอกมดลูก + ปีกมดลูกอักเสบ + นิ่วท่อไต + ไส้ติ่งอักเสบ Reference : https://health.kapook.com/view130692.htm

Timeline Photos
facebook.com

Timeline Photos

สาเหตุของการปวดท้องประจำเดือน ปวดประจำเดือนแบ่งได้เป็น 2 ชนิด ได้แก่ 1.ปวดประจำเดือนชนิดปฐมภูมิ (primary dysmenorrhea) จะพบในเด็กสาว ส่วนมากจะมีอาการตั้งแต่มีประจำเดือนครั้งแรก หรือไม่ก็เกิดขึ้นภายใน 3 ปี หลังมีประจำเดือนครั้งแรก จะมีอาการมากที่สุดในช่วงอายุ 15-25 ปี หลังจากวัยนี้อาการจะค่อย ๆ ลดลงบางรายอาจหายปวดหลังแต่งงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังมีบุตรแล้ว ส่วนน้อยที่ยังมีอาการตลอดไปจนถึงวัยหมดประจำเดือน ผู้ป่วยจะไม่พบว่ามีความผิดปกติของมดลูกและรังไข่แต่อย่างใด ปัจจุบันเชื่อว่า มีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนระหว่างมีประจำเดือน และมีการหลั่งสารพรอสตาแกลนดิน (prostaglandins) ออกมามากผิดปกติซึ่งกระตุ้นให้มดลูกมีการบิดเกร็งตัว เกิดอาการปวดประจำเดือน 2.ปวดประจำเดือนชนิดทุติยภูมิ (Secondary dysmenorrhea) มักจะมีอาการปวดครั้งแรก เมื่ออายุมากกว่า 25 ปีขึ้นไป โดยก่อนหน้านี้จะไม่เคยมีอาการปวดประจำเดือนมาก่อน มักตรวจพบว่าผู้ป่วยมีความผิดปกติของมดลูกหรือรังไข่ เช่น เยื่อบุมดลูกต่างที่ (endometriosis) ซึ่งมักทำให้มีบุตรยาก เนื้องอกมดลูก ปีกมดลูกอักเสบเรื้อรังมดลูกย้อยไปทางด้านหลังมาก เชื่อว่าอารมณ์มีส่วนเสริมความรุนแรงของอาการปวดประจำเดือนทั้ง 2 ชนิด เช่น พบว่าผู้มีอารมณ์อ่อนไหวง่าย หรือมีความเครียดจะมีอาการปวดรุนแรงมากกว่าผู้ที่มีอารมณ์ดี ข้อมูลจาก Reference: https://health.kapook.com/view17399.html

Timeline Photos
facebook.com

Timeline Photos

ประวัติความเป็นมา ความสำคัญ วันเปลี่ยนแปลงการปกครอง . วันเปลี่ยนแปลงการปกครอง ตรงกับ 24 มิถุนายนของทุกปี เป็นวันที่คณะราษฎรได้ทำการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 คณะราษฎร ได้ใช้นำทหารบก และทหารเรือ ซึ่งทั้งหมดเป็นกองกำลังในพระนคร ให้มารวมตัวกันบริเวณรอบพระที่นั่งอนันตสมาคม ประมาณ 2,000 นาย ตั้งแต่เวลาประมาณ 5 นาฬิกา โดยอ้างว่าเป็นการสวนสนาม จากนั้นให้พันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา ได้อ่านประกาศคณะราษฎร ฉบับที่ 1 ณ บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า มีใจความว่า . "เมื่อกษัตริย์องค์นี้ได้ครองราชสมบัติสืบต่อจากพระเชษฐานั้น ในชั้นต้นราษฎรบางคนได้หวังกันว่ากษัตริย์องค์ใหม่นี้จะปกครองราษฎรให้ร่มเย็น แต่การณ์ก็หาได้เป็นไปตามที่คิดหวังกันไม่ กษัตริย์คงทรงอำนาจอยู่เหนือกฎหมายเดิม ทรงแต่งตั้งญาติวงศ์และคนสอพลอไร้คุณความรู้ให้ดำรงตำแหน่งที่สำคัญๆ ไม่ทรงฟังเสียงราษฎร ปล่อยให้ข้าราชการใช้อำนาจหน้าที่ในทางทุจริต มีการรับสินบนในการก่อสร้างและการซื้อของใช้ในราชการ หากำไรในการเปลี่ยนเงิน ผลาญเงินของประเทศ ยกพวกเจ้าขึ้นให้สิทธิพิเศษมากกว่าราษฎร กดขี่ข่มเหงราษฎร ปกครองโดยขาดหลักวิชา ปล่อยให้บ้านเมืองเป็นไปตามยถากรรม ดังที่จะเห็นได้จากความตกต่ำในทางเศรษฐกิจและความฝืดเคืองในการทำมาหากินซึ่งพวกราษฎรได้รู้กันอยู่โดยทั่วไปแล้ว รัฐบาลของกษัตริย์เหนือกฎหมายมิสามารถแก้ไขให้ฟื้นขึ้นได้ การที่แก้ไขไม่ได้ก็เพราะรัฐบาลของกษัตริย์มิได้ปกครองประเทศเพื่อราษฎรตามที่รัฐบาลอื่น ๆ ได้กระทำกัน รัฐบาลของกษัตริย์ได้ถือเอาราษฎรเป็นทาส (ซึ่งเรียกว่าไพร่บ้าง ข้าบ้าง) เป็นสัตว์เดียรัจฉาน ไม่นึกว่าเป็นมนุษย์ เหตุฉะนั้น แทนที่จะช่วยราษฎร กลับพากันทำนาบนหลังราษฎร จะเห็นได้ว่า ภาษีอากรที่บีบคั้นเอาจากราษฎรนั้น กษัตริย์ได้หักเอาไว้ใช้ปีหนึ่งเป็นจำนวนหลายล้าน ส่วนราษฎรสิ กว่าจะหาได้แม้แต่เล็กน้อย เลือดตาแทบกระเด็น ถึงคราวเสียเงินราชการหรือภาษีใดๆ ถ้าไม่มีเงิน รัฐบาลก็ยึดทรัพย์หรือใช้งานโยธา แต่พวกเจ้ากลับนอนกินกันเป็นสุข ไม่มีประเทศใดในโลกจะให้เงินเจ้ามากเช่นนี้ นอกจากพระเจ้าซาร์และพระเจ้าไกเซอร์เยอรมัน ซึ่งชนชาตินั้นก็ได้โค่นราชบัลลังก์ลงเสียแล้ว รัฐบาลของกษัตริย์ได้ปกครองอย่างหลอกลวงไม่ซื่อตรงต่อราษฎร มีเป็นต้นว่าหลอกว่าจะบำรุงการทำมาหากินอย่างโน้นอย่างนี้ แต่ครั้นคอยๆ ก็เหลวไป หาได้ทำจริงจังไม่ มิหนำซ้ำกล่าวหมิ่นประมาทราษฎรผู้มีบุญคุณเสียภาษีอากรให้พวกเจ้าได้กิน ว่าราษฎรยังมีเสียงทางการเมืองไม่ได้ เพราะราษฎรโง่ คำพูดของรัฐบาลเช่นนี้ใช้ไม่ได้ ถ้าราษฎรโง่ เจ้าก็โง่เพราะเป็นคนชาติเดียวกัน ที่ราษฎรรู้ไม่ถึงเจ้านั้นเป็นเพราะขาดการศึกษาที่พวกเจ้าปกปิดไว้ไม่ให้เรียนเต็มที่ เพราะเกรงว่าเมื่อราษฎรได้มีการศึกษา ก็จะรู้ความชั่วร้ายที่พวกเจ้าทำไว้ และคงจะไม่ยอมให้เจ้าทำนาบนหลังคนอีกต่อไป ราษฎรทั้งหลายพึงรู้เถิดว่า ประเทศเรานี้เป็นของราษฎร ไม่ใช่ของกษัตริย์ตามที่เขาหลอกลวง บรรพบุรุษของราษฎรเป็นผู้ช่วยกันกู้ให้ประเทศเป็นอิสรภาพพ้นมือจากข้าศึก พวกเจ้ามีแต่ชุบมือเปิบและกวาดทรัพย์สมบัติเข้าไว้ตั้งหลายร้อยล้าน เงินเหล่านี้เอามาจากไหน? ก็เอามาจากราษฎรเพราะวิธีทำนาบนหลังคนนั่นเอง บ้านเมืองกำลังอัตคัดฝืดเคือง ชาวนาและพ่อแม่ทหารต้องทิ้งนา เพราะทำนาไม่ได้ผล รัฐบาลไม่บำรุง รัฐบาลไล่คนงานออกอย่างเกลื่อนกลาด นักเรียนที่เรียนสำเร็จแล้วและทหารที่ปลดกองหนุนแล้วก็ไม่มีงานทำ จะต้องอดอยากไปตามยถากรรม เหล่านี้เป็นผลของกษัตริย์เหนือกฎหมาย บีบคั้นข้าราชการชั้นผู้น้อย นายสิบ และเสมียน เมื่อให้ออกจากงานแล้วก็ไม่ให้เบี้ยบำนาญ ความจริงควรเอาเงินที่พวกเจ้ากวาดรวบรวมไว้มาจัดบำรุงบ้านเมืองให้คนมีงานทำ จึงจะสมควรที่สนองคุณราษฎรซึ่งได้เสียภาษีอากรให้พวกเจ้าได้ร่ำรวยมานาน แต่พวกเจ้าก็หาได้ทำอย่างใดไม่ คงสูบเลือดกันเรื่อยไป เงินเหลือเท่าไรก็เอาไปฝากต่างประเทศ คอยเตรียมหนีเมื่อบ้านเมืองทรุดโทรม ปล่อยให้ราษฎรอดอยาก การเหล่านี้ย่อมชั่วร้าย เหตุฉะนั้น ราษฎร ข้าราชการ ทหาร และพลเรือน ที่รู้เท่าถึงการกระทำอันชั่วร้ายของรัฐบาลดังกล่าวแล้ว จึงรวมกำลังตั้งเป็นคณะราษฎรขึ้น และได้ยึดอำนาจของกษัตริย์ไว้ได้แล้ว คณะราษฎรเห็นว่าการที่จะแก้ความชั่วร้ายนี้ได้ก็โดยที่จะต้องจัดการปกครองโดยมีสภา จะได้ช่วยกันปรึกษาหารือหลายๆ ความคิดดีกว่าความคิดเดียว ส่วนผู้เป็นประมุขของประเทศนั้น คณะราษฎรไม่ประสงค์ทำการแย่งชิงราชสมบัติ ฉะนั้น จึงได้อัญเชิญให้กษัตริย์องค์นี้ดำรงตำแหน่งกษัตริย์ต่อไป แต่จะต้องอยู่ใต้กฎหมายธรรมนูญการปกครองแผ่นดิน จะทำอะไรโดยลำพังไม่ได้ นอกจากด้วยความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร คณะราษฎรได้แจ้งความประสงค์นี้ให้กษัตริย์ทราบแล้ว เวลานี้ยังอยู่ในความตอบรับ ถ้ากษัตริย์ตอบปฏิเสธหรือไม่ตอบภายในกำหนดโดยเห็นแก่ส่วนตนว่าจะถูกลดอำนาจลงมาก็จะได้ชื่อว่าทรยศต่อชาติ และก็เป็นการจำเป็นที่ประเทศจะต้องมีการปกครองแบบอย่างประชาธิปไตย กล่าวคือ ประมุขของประเทศจะเป็นบุคคลสามัญซึ่งสภาผู้แทนราษฎรได้เลือกตั้งขึ้น อยู่ในตำแหน่งตามกำหนดเวลา ตามวิธีนี้ราษฎรพึงหวังเถิดว่าราษฎรจะได้รับความบำรุงอย่างดีที่สุด ทุกๆคนจะมีงานทำ เพราะประเทศของเราเป็นประเทศที่อุดมอยู่แล้วตามสภาพ เมื่อเราได้ยึดเงินที่พวกเจ้ารวบรวมไว้จากการทำนาบนหลังคนตั้งหลายร้อยล้านมาบำรุงประเทศขึ้นแล้ว ประเทศจะต้องเฟื่องฟูขึ้นเป็นแม่นมั่น การปกครองซึ่งคณะราษฎรจะพึงกระทำก็คือ จำต้องวางโครงการอาศัยหลักวิชา ไม่ทำไปเหมือนคนตาบอด เช่น รัฐบาลที่มีกษัตริย์เหนือกฎหมายทำมาแล้ว เป็นหลักใหญ่ ๆ ที่คณะราษฎรวางไว้ มีอยู่ว่า . 1. จะต้องรักษาความเป็นเอกราชทั้งหลาย เช่น เอกราชในทางการเมือง ในทางศาล ในทางเศรษฐกิจ ฯลฯ ของประเทศไว้ให้มั่นคง 2. จะต้องรักษาความปลอดภัยภายในประเทศ ให้การประทุษร้ายต่อกันลดน้อยลงให้มาก 3. ต้องบำรุงความสุขสมบูรณ์ของราษฎรในทางเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลใหม่จะจัดหางานให้ราษฎรทุกคนทำ จะวางโครงการเศรษฐกิจแห่งชาติ ไม่ปล่อยให้ราษฎรอดอยาก 4. จะต้องให้ราษฎรมีสิทธิเสมอภาคกัน (ไม่ใช่พวกเจ้ามีสิทธิยิ่งกว่าราษฎรเช่นที่เป็นอยู่ในเวลานี้) 5. จะต้องให้ราษฎรได้มีเสรีภาพ มีความเป็นอิสระ เมื่อเสรีภาพนี้ไม่ขัดต่อหลัก 4 ประการดังกล่าวข้างต้น 6. จะต้องให้การศึกษาอย่างเต็มที่แก่ราษฎร . ราษฎรทั้งหลายจงพร้อมใจกันช่วยคณะราษฎรให้ทำกิจอันจะคงอยู่ชั่วดินฟ้านี้ให้สำเร็จ คณะราษฎรขอให้ทุกคนที่มิได้ร่วมมือเข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลกษัตริย์เหนือกฎหมายพึงตั้งตนอยู่ในความสงบและตั้งหน้าทำมาหากิน อย่าทำการใด ๆ อันเป็นการขัดขวางต่อคณะราษฎร การที่ราษฎรช่วยคณะราษฎรนี้ เท่ากับราษฎรช่วยประเทศและช่วยตัวราษฎร บุตร หลาน เหลน ของตนเอง ประเทศจะมีความเป็นเอกราชอย่างพร้อมบริบูรณ์ ราษฎรจะได้รับความปลอดภัย ทุกคนจะต้องมีงานทำไม่ต้องอดตาย ทุกคนจะมีสิทธิเสมอกัน และมีเสรีภาพพ้นจากการเป็นไพร่ เป็นข้า เป็นทาสพวกเจ้า หมดสมัยที่เจ้าจะทำนาบนหลังราษฎร สิ่งที่ทุกคนพึงปรารถนาคือ ความสุขความเจริญอย่างประเสริฐซึ่งเรียกเป็นศัพท์ว่า "ศรีอาริยะ" นั้น ก็จะพึงบังเกิดขึ้นแก่ราษฎรถ้วนหน้า" ซึ่งเมื่อ พันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา ได้อ่าน ประกาศคณะราษฎร ฉบับที่ 1 จบ ทหารที่อยู่ในบริเวณดังกล่าวก็พากันโห่ร้องต้อนรับคณะปฏิวัติ เนื่องจากมีความไม่พอใจระบอบการปกครองแบบเก่าอยู่แล้ว แต่บางคนก็จำใจทำไปอย่างสับสนต่อเหตุการณ์ขณะนั้น หลังจากที่คณะปฏิวัติได้ควบคุมสถานการณ์ไว้ได้เรียบร้อย ก็ได้เชิญเจ้านายและพระราชวงศ์บางพระองค์ที่คุมกำลังทหารมากักไว้ โดยให้ประทับอยู่ภายในพระที่นั่งอนันตสมาคม เพื่อเป็นองค์ประกันของคณะราษฎร โดยเฉพาะสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต ซึ่งพระองค์ทรงมีพระราชอำนาจมากที่สุด โดยคุมกำลังทหารและพลเรือนของประเทศส่วนใหญ่ไว้ และได้ทูลให้ลงพระนามประกาศที่คณะราษฎรนำมาถวายซึ่งมีข้อความว่า . "ด้วยตามที่คณะราษฎรได้ยึดอำนาจการปกครองแผ่นดินไว้ได้โดยมีความประสงค์ข้อใหญ่ ที่จะให้ประเทศสยามได้มีธรรมนูญการปกครองแผ่นดินนั้น ข้าพเจ้าขอให้ทหาร ข้าราชการ และราษฎรทั้งหลายจงช่วยกันรักษาความสงบ อย่าให้เสียเลือดเนื้อ ของคนไทยด้วยกันโดยไม่จำเป็นเลย" . โดยประกาศของ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต ที่ทางคณะราษฎรได้ทูลให้ลงพระนามนั้น ก็ถูกคณะราษฎรนำประกาศฉบับดังกล่าวไปใช้เสมือนเป็นคำรับรองจากผู้มีอำนาจสูงสุดขณะนั้น ในการออกคำสั่งให้ส่วนราชการทุกแห่งทั่วประเทศ รวมทั้งกำลังทหารหัวเมืองให้ปฏิบัติหน้าที่ไปตามปกติ โดยไม่มีการหยุดชะงักใด ๆ เลย และเมื่อเหตุการณ์ภายในพระนครเป็นไปด้วยดี คณะราษฎรก็ได้ทำหนังสือราชการซึ่งลงนามโดย พันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา พันเอกพระยาทรงสุรเดช และพันเอกพระยาฤทธิอัคเนย์ ส่งไปกราบถวายบังคมทูล พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ พระราชวังไกลกังวล หัวหิน และอัญเชิญในหลวงกลับสู่พระนครเป็นกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญการปกครองแผ่นดินซึ่งคณะราษฎรได้ร่างขึ้น . สำหรับใจความในหนังสืออัญเชิญ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว "ด้วยคณะราษฎร ข้าราชการ ทหาร พลเรือน ได้ยึดอำนาจการปกครองแผ่นดินไว้ได้แล้ว และได้เชิญเสด็จพระบรมวงศานุวงศ์มีสมเด็จพระพี่ยาเธอ เจ้าฟ้ากรมพระนครสวรรค์วรพินิต เป็นต้น ไว้เป็นประกัน ถ้าหากคณะราษฎรนี้ถูกทำร้าย ด้วยประการใด ๆ ก็จะต้องทำร้ายเจ้านายที่จับกุมไว้เป็นการตอบแทน คณะราษฎรไม่ประสงค์ที่จะแย่งชิงราชสมบัติแต่อย่างใด ความประสงค์อันใหญ่ยิ่งก็เพื่อจะมีธรรมนูญการปกครองแผ่นดิน จึงขอเชิญใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทเสด็จกลับสู่พระนคร และทรงเป็นกษัตริย์ต่อไป โดยอยู่ใต้ธรรมนูญการปกครองแผ่นดิน ซึ่งคณะราษฎรได้สร้างขึ้น ถ้าใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทตอบปฏิเสธก็ดี หรือไม่ตอบภายใน 1 ชั่วนาฬิกานับตั้งแต่ได้รับหนังสือนี้ก็ดี คณะราษฎรจะได้ประกาศใช้ธรรมนูญการปกครองแผ่นดินโดยเลือกเจ้านายพระองค์อื่นๆ ที่เห็นสมควรขึ้นเป็นกษัตริย์" . ด้วยพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์สมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเห็นแก่ความสงบเรียบร้อยของอาณาประชาราษฎร์ ไม่อยากให้เสียเลือดเนื้อ รวมทั้งความเสียหายแก่บ้านเมือง และเนื่องจากพระองค์ทรงมีพระราชประสงค์ที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยอยู่แล้ว จึงไม่ทรงขัดความปรารถนาของคณะราษฎรที่ได้กราบบังคมทูลเชิญเป็นพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ และในวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 ได้ทรงพระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับถาวร ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม

Timeline Photos
facebook.com

Timeline Photos

สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ระดับดังนี้ 1. ยาบรรเทาอาการอักเสบ เช่น ยาแก้แพ้ หรือยาต้านฮิสตามีน และยาขยายหลอดลม 2. ยาต้านการอักเสบ เช่น ยาสเตียรอยด์พ่นจมูก หรือสูดทางปาก 3. การใช้วัคซีนภูมิแพ้ ซึ่งเป็นการรักษาโรคด้วยการฉีดสารก่อภูมิแพ้เข้าไปในร่างกายของผู้ป่วย โดยเริ่มจากทีละน้อยๆ และเพิ่มปริมาณเข้าไปมากขึ้นเรื่อยๆ จนร่างกายเริ่มชินกับสารก่อภูมิแพ้นั้น ซึ่งผู้ป่วยที่ควรได้รับการรักษาแบบนี้ คือ ผู้ป่วยที่รักษาด้วยยาแล้วไม่ดีขึ้น หรือมีผลข้างเคียงจากการใช้ยา โดยก่อนที่จะรักษาด้วยวิธีนี้ต้องมั่นใจก่อนว่าผู้ป่วยแพ้อะไร เพื่อจะได้นำสารที่แพ้มาฉีดวัคซีนได้อย่างถูกต้อง โดยวิธีการรักษาแบบนี้จะต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง และผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 3 – 5 ปี . ผลข้างเคียงของยาแก้แพ้ (Loratadine) เป็นยาแก้แพ้ที่ออกฤทธิ์เป็นเวลานาน ผู้ป่วยอาจจะมีอาการง่วง อ่อนเพลีย อาจจะมีอาการตับอักเสบ ผมร่วง แต่น้อยมาก . ผลข้างเคียงของยาต้านฮิสตามีน เป็นยาที่ใช้รักษาภูมิแพ้ออกฤทธิ์โดยยาต้านฮีสตามินซึ่งเป็นสารเคมีที่หลั่งออกมาหลังจากเกิดภูมิแพ้ ทำให้ลดอาการ บวม น้ำตาไหล คัน ลดเสมหะ อาจจะทำให้ง่วง ซึม และน้ำหนักตัวเพิ่ม อาจจะมีผลต่อการเต้นของหัวใจ . ผลข้างเคียงของยาขยายหลอดลม (Theophylline) เป็นยาที่เรียกว่ายาขยายหลอดลมที่ใช้ในการรักษาโรคหอบหืดและโรคทางเดินหายใจอื่น ๆ โรคหืดเป็นปัญหาการหายใจที่เกิดจากการตีบของหลอดลมนอกจากนั้นยังมีเสมหะหรือเมือกสะสม และมีการบวมของเยื่อบุหลอดลม เหล่านี้เป็นสาเหตุให้เกิดการอุดกั้นหลอดลม ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยหายใจลำบาก แน่นหน้าอก หายใจถี่ ผลข้างเคียงที่พบบ่อย ได้แก่ อาการคลื่นไส้อาเจียนท้องเสีย, ปวดหัว, หงุดหงิด, และใจสั่น ควรใช้ความระมัดระวังในผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูง, โรคแผลในกระเพาะอาหาร, โรคลมชัก และโรคหัวใจที่รุนแรงโดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเกี่ยวกับจังหวะการเต้นหัวใจ . ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง จากการใช้ยาสเตียรอยด์พ่นจมูก 1. ยา Intranasal corticosteroids อาจทำให้เกิดผลเฉพาะที่เช่น จมูกแห้งและจามทันทีภายหลังการพ่นยา มีน้ำมูกปนเลือดออกมา เลือดกำเดาไหล, มีอาการทางผิวหนังเช่น ลมพิษ ผื่นแดง ผิวหนังอักเสบ ผนังกั้นช่องจมูกเป็นรูที่พบได้น้อยมาก 2. ยา Intranasal decongestants อาจทำให้เกิดผลเฉพาะที่เช่น แสบร้อนจมูกและลำคอ จมูก แห้ง จาม ผลต่อร่างกายทั้งระบบเช่น ปวดศีรษะ หัวใจเต้นผิดปกติ เหงื่อออกมาก ต้อหิน ปัสสาวะไม่ออก/ปัสสาวะขัด วิตกกังวล นอนไม่หลับคลื่นไส้ อาเจียน 3. ยา Intranasal antihistamines อาจทำให้รู้สึกถึงรสขมของยา แสบจมูก จาม ไอ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย มึนงง 4. ยา Ipratropium bromide อาจทำให้จมูกแห้ง เลือดกำเดาไหล ปัสสาวะไม่ออก ต้อหิน ปวดศีรษะ คลื่นไส้ คอหอยอักเสบ 5. ยา Cell membrane stabilizer เป็นยาที่ปลอดภัยมีผลข้างเคียงน้อยเช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้ ท้องเสีย . ผลข้างเคียงของการใช้วัคซีนภูมิแพ้ 1. มีโอกาสเกิดแพ้ชนิดรุนแรง (systemic reaction) จากวัคซีนที่ฉีดได้เช่นเดียวกับการแพ้ยาฉีดชนิดอื่น โดยอาจก่อให้เกิดอาการ ผื่นทั่วตัว คันคอ ไอ หรือหอบหืด ลมพิษ ปวดท้อง อาเจียน ท้องเดิน กล่องเสียงบวมเกิดการอุดตันของทางเดินหายใจ และอาจถึงช็อคได้ 2. มีโอกาสเกิดการบวม แดง ร้อน คันที่บริเวณที่ได้รับการฉีดวัคซีนได้ (local reaction) 3. มีโอกาสกระตุ้นให้อาการของโรคภูมิแพ้ที่ผู้ป่วยเป็นอยู่แล้วเป็นมากขึ้น เช่น คัน จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล คันตา ในช่วงแรกของการรักษาได้ 4. อาจต้องใช้เวลา 3-6 เดือนกว่าจะเห็นผลการรักษา และต้องฉีดต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานอย่างน้อย 3-5 ปี รวมทั้งต้องอาศัยความร่วมมือในการมาตรวจติดตามอย่างสม่ำเสมอ 5. ต้องระมัดระวังในการรักษาในผู้ที่ใช้ยาบางประเภทเป็นประจำ เช่น ยารักษาโรคหัวใจหรือความดันโลหิตสูง (Beta-blocker, ACEI) . สมุนไพรที่สามารถทดแทนได้ 1. หอมแดง มีสารไบโอฟลาโวนอยด์ชื่อ Quercitih ซึ่งมีโครงสร้างทางเคมีคล้ายกับยาที่นิยมใช้รักษาโรคภูมิแพ้ และอาการหอบหืด 2. ขมิ้นชัน จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ซึ่งจะมีผลทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น 3. ขิง มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดอาการอักเสบ และรักษาโรคภูมิแพ้ได้ 4. ฟ้าทะลายโจร มีส่วนกระตุ้นให้ตับและระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้น ช่วยอาการแพ้อากาศ และภูมิแพ้ และช่วยลดอาการเจ็บคอเนื่องจากไวรัสได้ 5. พริก ช่วยให้จมูกโล่ง หายใจสะดวกขึ้น 6. กระเทียม ช่วยลดอาการคัดจมูก ลดอาการอักเสบของไซนัสและยังช่วยในเรื่องของระบบย่อยอีกด้วย 7. ชะเอมเทศ สรรพคุณในตำราจีน ชะเอมเทศมีรสอมหวาน ค่อนข้างเย็นเล็กน้อย ช่วยระบายความร้อน ขับพิษ แก้ไอ ขับเสมหะ จึงดีต่อผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ นอกจากนั้นยังช่วยป้อง และรักษาแผลในกระเพาอาหาร ช่วยย่อยอาหาร ทำให้ชุ่มคอ แก้อาการใจสั่นและแก้ลมชัก อีกด้วย 8. ถังเช่า มีการศึกษาทางแพทย์พบว่าช่วยรักษาโรคระบบในทางเดินหายใจ โรคหอบหืด รักษาภูมิแพ้ โรคภูมิแพ้อากาศ ถุงลมโป่งพอง เป็นที่ยอมรับทั้งในการใช้รักษาโรคภูมิแพ้ หอบหืดร่วมกับการแพทย์แผนปัจจุบัน 9. หญ้าใต้ใบ แก้หวัดคัดจมูกและทำให้น้ำมูกแห้ง มีรสขมเย็น 10. ตะไคร้ ช่วยแก้อาการน้ำมูกไหล อ้างอิงข้อมูลจาก http://www.thailovehealth.com http://www.thailovehealth.com http://www.thailovehealth.com http://kaijeaw.com

Timeline Photos
facebook.com

Quiz

NEAR จิตรฟ้า