ณัฐพลคลินิก โรคภูมิแพ้ และระบบทางเดินหายใจ
Description
คลินิกเฉพาะทางด้านภูมิแพ้และระบบทางเดินหายใจ จังหวัดเชียงใหม่
Tell your friends
RECENT FACEBOOK POSTS
facebook.comมารู้จักการทดสอบ "Skin Test" กับ โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอลเซ็นเตอร์ : บันเทิงปากม้า 29/12/58
✥ วันนี้จะพามาดูขั้นตอนการทำ skin test กันนะคะ (เริ่มนาทีที่ 1.30) ✥ ใครสงสัยว่าทำ skin test เจ็บมั้ย ? รอผลนานแค่ไหน ? แพ้อาหารทำ skin test ได้ผลชัวร์รึเปล่า? คลิปวิดีโอนี้รับรองเคลียร์สุดๆ แนะนำเลยค่าา #สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น #skintestเชียงใหม่ #ทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง Cr. Bright TV., รพ. World Medical Center https://youtu.be/kBJ645Pr7fs
Timeline Photos
★★ คุณพ่อ/คุณแม่หลายคนแอบกังวลว่าจะดูแลลูกไม่ให้เป็นภูมิแพ้ได้มั้ย?? (เพราะพ่อ/แม่ก็เป็นอยู่) ★★ งั้นมาดูเคล็ดลับการป้องกันเด็กๆ ให้ห่างไกลจากภูมิแพ้กันนะคะ★★ สู้ๆ ค่าา #คลินิกภูมิแพ้เชียงใหม่ #ป้องกันลูกจากภูมิแพ้ Cr. เพจ : แม่รู้ไว ลูกไกลแพ้ 1. การงดสูบบุหรี่เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกเลยค่ะ เพราะควันบุหรี่จะทำให้เด็กมีอาการน้ำมูกไหลมากขึ้น 2. เพิ่มความสะอาดควบคู่กับการจัดสรรห้องนอนลูก ให้มีความสะอาดโล่ง โปร่งสบาย เพราะเด็กต้องสูดอากาศในห้องนอนไม่ต่ำกว่า 8-10 ชั่วโมง จึงควรหลีกเลี่ยงหนังสือหรือสิ่งที่คิดว่าเป็นแหล่งสะสมไรฝุ่นเอาไว้ในห้องนอนลูกนะคะ 3. หมั่นซักทำความสะอาดเครื่องนอนต่าง ๆ ของลูกในทุกสัปดาห์ เพื่อช่วยกำจัดไรฝุ่น 4. ห้องนอนของลูกต้องไม่ปูพรม เพราะพรมเป็นส่วนหนึ่งของแหล่งสะสมไรฝุ่น เชื้อโรคจำนวนมาก แน่นอนว่าไม่ดีแน่ ๆ หากเชื้อโรคจำนวนมากสะสมอยู่ในห้องของลูกน้อย 5. หมั่นเปิดหน้าต่างห้องนอนลูก รับลมเย็นแบบธรรมชาติ สลับกับให้มีแสงแดดส่องเข้ามาในบ้านอยู่เสมอ 6. พยายามรักษาความสะอาดในบ้าน รวมถึงกำจัดสิ่งสกปรกอันเป็นแหล่งให้แมลงสาบ หนู และสัตว์อื่น ๆ เข้ามาแพร่เชื้อได้ 7. หลีกเลี่ยงการเลี้ยงสุนัข แมวในบ้าน เพื่อป้องกันการแพ้ขนสัตว์ของลูก 8. เพิ่มการป้องกันอีกทางหนึ่งด้วยการติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ เพื่อกำจัดฝุ่น เชื้อโรค และกลิ่นต่าง ๆ ที่จะนำมาสู่การเจ็บป่วยของเด็กได้ การป้องกันย่อมดีกว่าแก้… หากคุณพ่อคุณแม่ทราบถึงวิธีการป้องกันและลองทำอย่างจริงจัง แน่นอนว่าลูกน้อยย่อมห่างไกลจากอาการภูมิแพ้ แถมยังมีสุขภาพที่ดีอีกด้วยนะคะ
Timeline Photos
♥♥ หน้าร้อนใกล้เข้ามาทุกทีแล้วจ้า ♥♥ บ้านไหนยังไม่เคยล้างแอร์แล้วล่ะก็ โปรดระวัง !! 4 โรคร้ายที่แฝงมากับแอร์คู่ชีพของคุณนะค้าาา #หน้าร้อนแล้วล้างแอร์ได้ #คลินิกภูมิแพ้เชียงใหม่ Cr. สสส. 1. โรคภูมิแพ้ +++ แอร์เป็นอุปกรณ์หนึ่งที่ควรมีการดูแลทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ หากขาดการดูแลที่ดี อาจเป็นส่วนแพร่เชื้อโรค และเป็นที่รวบรวมเอาฝุ่นมากองรวมกันไว้ได้มากที่สุด ใครที่แพ้ฝุ่นอยู่แล้วคงยิ่งไปกันใหญ่เลยค่ะ แนะนำว่าควรหมั่นตรวจสอบที่กรองอากาศในแอร์อยู่เป็นประจำ หรืออย่างน้อยทุก 3-6 เดือนนะคะ 2. โรคทางเดินหายใจ +++ นอกจากฝุ่นแล้ว ที่กรองอากาศในแอร์อาจรวมเอาเชื้อโรค แบคทีเรีย และเชื้อราเอาไว้ด้วยกัน ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคที่เกี่ยวข้องกับทางเดินหายใจทั้งหมด เช่น ปอดอักเสบ วัณโรค หืดหอบ ปอดบวม หรือหัดเยอรมัน 3. ผื่นแพ้ผิวหนัง +++ นอกจากเชื้อโรคที่มาพร้อมกับกลิ่นอับๆ ของที่กรองอากาศภายในแอร์ ที่เป็นสัญญาณบอกว่าคุณควรทำความสะอาดแอร์ของคุณได้แล้วนั้น ยังมีอากาศที่ทั้งแห้ง ทั้งเย็น ที่อาจเป็นตัวเร่งทำให้ผู้ป่วยโรคผื่นผิวหนังมีอาการกำเริบขึ้นได้ง่ายๆ เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นนอกจากทำความสะอาดแอร์แล้ว ลองปรับอากาศไม่ให้เย็นจนเกินไป และทาครีมเพื่อรักษาความชุ่มชื่นของผิวหนังเอาไว้บ้าง จะช่วยลดอากาศผื่นผิวหนังได้บ้างค่ะ 4. โรคตึกเป็นพิษ +++ เคยได้ยินโรคนี้กันไหมเอ่ย ?? โรคนี้เป็นหนึ่งในกลุ่มของออฟฟิศซินโดรมที่มีอาการวิงเวียนศีรษะ หรือคลื่นไส้ ตาลาย เพียงเพราะบรรยากาศภายในตึกทำงาน หรือในออฟฟิศ จริงๆ แล้วอากาศที่ไม่ถ่ายภายในออฟฟิศก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเหล่านี้ขึ้นได้เช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นอากาศเย็นๆ ที่ออกมาจากสารระเหยของสีทาผนัง เครื่องถ่ายเอกสาร หรือฝุ่นในแอร์ และพรม ก็เป็นตัวเร่งอาการของโรคนี้ได้เช่นกันค่ะ ===== รู้อย่างนี้แล้วรีบตามช่างมาล้างแอร์กันดีกว่านะคะ ^^ =====
Timeline Photos
" ถ้าแพ้อาหาร ให้ทนกินต่อไปเรื่อยๆ เดี๋ยวจะหายแพ้ไปเอง" ... หลายคนคุ้นๆ หูกันใช่มั้ยคะ ?? แต่จะจริงแค่ไหนมาดูคำตอบเคลียร์ๆ กันเลยค่าา #แพ้อาหาร #คลินิกภูมิแพ้เชียงใหม่ Cr.sanook ถึงแม้จะมีความเป็นไปได้ว่า เด็กเล็กที่แพ้อาหารนั้นมีโอกาสที่จะมีอาการดีขึ้นได้เมื่อโตขึ้น กล่าวคือ เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี ที่มีอาการแพ้อาหารประเภทนม ไข่ และข้าวสาลี อาจมีอาการที่ดีขึ้นได้เมื่ออายุโตขึ้น จากพัฒนาการของร่างกายที่ค่อยๆ พัฒนาจนเต็มที่ แต่สำหรับผู้ใหญ่ที่มีอาการแพ้อาหาร (ถั่ว, อาหารทะเลต่างๆ ) มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีอาการแพ้ไปตลอดชีวิต บางท่านเลือกที่จะค่อยๆ ทานต่อไปทีละเล็กทีละน้อย ด้วยความเชื่อว่าร่างกายจะค่อยๆ ปรับตัวจนชิน วิธีนี้อาจ "ได้ผลเฉพาะกับบางคนที่มีอาการแพ้ที่ไม่รุนแรงเท่านั้น" เพราะหากคุณเป็นคนที่มีอาการแพ้รุนแรง ถึงขั้นหายใจไม่ออก หัวใจเต้นผิดจังหวะ ร่างกายสูบฉีดโลหิตเร็วและรุนแรง คุณอาจช็อค หมดสติ หรือเสียชีวิตเพียงเพราะอาหารคำเดียวได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม สำหรับอาการแพ้ที่เกิดจากปฏิกิริยาตอบสนองจากผนังลำไส้ ในผู้ป่วยบางราย เมื่อไม่ได้ทานอาหารที่มีอาการแพ้ไปนานๆ 2-3 เดือนเป็นอย่างน้อย เมื่อลองกลับมาทานใหม่ (ในปริมาณเล็กน้อย) อาจรู้สึกว่าไม่มีอาการแพ้ใดๆ เกิดขึ้น หรือบางคนได้รับยาจากแพทย์อย่างต่อเนื่อง ร่างกายอาจปรับสภาพให้คุ้นชินกับอาหารเหล่านั้นได้ก็มีเช่นกันค่ะ *** สรุปแล้ว *** ไม่ควรคิดไปเองว่า แพ้อาหารชนิดใดให้ทานต่อไปจนกว่าจะคุ้น เพราะวิธีนี้ไม่ได้ให้ผลดีต่อร่างกายเหมือนกันไปเสียทุกคนนะคะ บางคนอาจโชคดี แต่บางคนก็โชคร้าย จนอาจถึงขั้นเสียชีวิตไปได้เพียงเพราะอาหารคำเดียว เพราะฉะนั้นใครที่อยากหายจากอาการแพ้อาหาร ขอให้ไปปรึกษาแพทย์เพื่อหาแนวทางในการรักษาจะดีที่สุดค่ะ
Timeline Photos
วันนี้เรามีวิธีเตรียมตัวเผชิญอากาศหนาวสำหรับคนเป็นภูมิแพ้มาฝากกันนะคะ :) :) รับรองเที่ยวที่ไหนไม่มีอาการน้ำมูกไหลมากวนใจ ฟันธงค่ะ !!! #หนาวทีไรทิชชู่ไม่เคยพอ #คลินิกภูมิแพ้เชียงใหม่ Cr. beatallergy fanpage โดย ศ.พญ. อรพรรณ โพชนุกูล เตรียมร่างกายและโพรงจมูกให้พร้อมก่อนเดินทาง <3 <3 ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ : วิธีง่าย ๆ ที่ช่วยเคลียร์จมูกให้โล่งได้จริงๆค่ะ ใครที่ไม่เคยล้างจมูกไม่ต้องกลัวค่ะ ทำง่ายมากๆ แถมไม่จำเป็นต้องรอไปเที่ยวค่อยทำ ทำได้ทุกวันเพื่อเอาหนอง น้ำมูกที่ ตัวการคัดจมูกทั้งหลายที่ค้างคาในจมูกออกมา แถมการล้างจมูก จะช่วยให้ยาพ่น มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยค่ะ <3 <3 ออกกำลังกาย : ออกกำลังกายช่วยได้แน่นอนค่ะ เพื่อให้ร่างกายเตรียมพร้อมกับอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้ง่ายขึ้น ยาพ่นจมูก : ยาพ่นจมูกต่าง ๆ ที่คุณหมอให้มา เราก็ต้องใช้ตามเวลาและปริมาณที่คุณหมอบอก เพื่อเตรียมโพรงจมูกเราไม่ให้บวมก่อนไปเที่ยวค่ะ . +:+:+ เตรียมของใช้จำเป็น ติดตัวเวลาเดินทางมีอะไรบ้าง +:+:+ . <3<3 หน้ากากอนามัย : ช่วยได้เวลาเราขึ้นดอยแบบปีนด้วยตัวเอง คนข้างหน้ามักจะเตะฝุ่นใส่ หรือไปที่ๆ มีต้นไม้เยอะๆ เราอาจจะแพ้เกสรดอกไม้ได้ ไม่ต้องกลัวใส่แล้วจะไม่สวยไม่หล่อนะคะ ค่อยถอดออกตอนถ่ายรูปก็ได้ค่า . <3<3 ผ้าพันคอ : พันให้คออบอุ่นไว้ ใครที่มีอาการเย็นคอ มีเสมหะ เรื้อรังพราะภูมิแพ้ ช่วยลดไม่ให้ไอหนักมากขึ้นได้ค่ะ . <3<3 ชุดล้างจมูกพกพา : อันนี้เป็นตัวเลือกเสริมสำหรับคนที่ไปหลายๆวัน หรืออาการแพ้หนักมาก ก็พกน้ำเกลือขวดเล็กๆ กับไซริงค์ไปด้วย หรือปัจจุบันก็มีชุดล้างน้ำเกลือแบบผง ให้ใช้ง่ายขึ้น ล้างให้โพรงจมูกจะสะอาดโล่ง สูดอากาศบริสุทธิ์ได้ทุกวันเลยค่ะ . <3<3 ยาพ่นคู่ใจ : ก่อนไปเที่ยวก็พ่นเป็นประจำแล้ว ตอนไปก็ควรพกไปพ่นด้วยนะคะ ถ้าเกิดอาการหนักขึ้น จะได้มียาคอยช่วยทันทีค่ะ . <3<3 ยาแก้แพ้แบบไม่ง่วง : ไปเที่ยวทั้งที ถ้าภูมิแพ้กำเริบ เราก็ไม่อยากง่วงซึมจนเที่ยวไม่ไหวใช่ไหมล่ะคะ แทนที่จะได้พักผ่อนหย่อนใจ กลายเป็นต้องหย่อนตัวลงนอนแทน เพราะฉะนั้นควรมียาแก้แพ้ชนิดไม่ง่วงติดตัวไว้ จะได้เที่ยวได้อย่างมีความสุขค่า .
Timeline Photos
❥❥❥ อยากทำ skin test... ถ้าไม่อยากมาเสียเที่ยว+เสียเวลาต้องรู้วิธีเตรียมตัวก่อนมาหาคุณหมอนะคะ ❥❥❥ ยิ่งใครบ้านไกล/ อยู่ต่างจังหวัดไม่สะดวกมาบ่อยๆ โพสต์นี้ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงเลยค่ะ #เตรียมตัวก่อนskintest #คลินิกภูมิแพ้เชียงใหม่ Cr. Asianparent +++ การเตรียมตัวก่อนการทดสอบ +++ 1. ก่อนการทำ skin test ต้องงดยาแก้แพ้ก่อนมารับการทดสอบอย่างน้อย 7 วัน มิฉะนั้นผลอาจผิดพลาดได้ค่ะ 2. ยาบางชนิดอาจมีส่วนผสมของยาแก้แพ้ เช่น ยาแก้หวัด ยาลดน้ำมูก ยาแก้คัน ต้องงดก่อนมาทดสอบประมาณ 7 วัน 3. ผู้ป่วยที่มีโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง ต้องแจ้งชื่อยาที่รับประทานอยู่ให้แพทย์ที่จะทำการทดสอบทราบด้วย เพราะยาบางชนิดต้องงดก่อนทำการทดสอบ 4. ยาสเตียรอยด์ชนิดทาผิวหนัง ก็มีผลกดปฏิกิริยาการทดสอบ ควรงดก่อนเช่นกัน 5. ไม่จำเป็นต้องงดน้ำงดอาหารก่อนมาทดสอบภูมิแพ้ผิวหนังค่ะ 6. รักษาสุขภาพให้แข็งแรง ไม่มีอาการป่วยหรือเป็นไข้ ก่อนทำการทดสอบ เพราะอาจมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดปฏิกริยาแพ้รุนแรงหลังการทดสอบได้ค่ะ :) :) แถมๆ :) :) การทำ skin test อาจไม่เหมาะสมกับผู้ป่วยกลุ่มใดบ้าง? การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังอาจไม่เหมาะสมกับผู้ป่วยบางรายได้แก่ ผู้ป่วยที่เป็นโรคผิวหนังและมีผื่นในบริเวณที่ใช้ทำการทดสอบหรือมีปฏิกริยาทางผิวหนังง่ายผิดปกติ ผู้ที่ไม่สามารถงดยาแก้แพ้ได้ และผู้มีโอกาสเกิดปฏิกริยารุนแรงจากสารก่อภูมิแพ้ ในผู้ป่วยเหล่านี้คุณหมอจะพิจารณาใช้การตรวจเลือดเพื่อการวินิจฉัยโรคภูมิแพ้แทนค่ะ
Timeline Photos
ไอแบบไหน...ที่เรียกว่าไอภูมิแพ้ ?? ✿✿ ลองสังเกตตัวเองดูนะคะว่าคุณกำลังไอแบบนี้อยู่มั้ยเอ่ย ✿✿ #หมอภูมิแพ้เชียงใหม่ #คลินิกภูมิแพ้เชียงใหม่ #ทดสอบskintestเชียงใหม่ Cr. wisegeek ++ไอเนื่องจากภูมิแพ้++ จะมีลักษณะไอแห้ง ๆ มีความรู้สึกเหมือนของเหลวไหลลงคออยู่เรื่อยๆ (สาเหตุจากการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้บางอย่าง ทำให้เกิดอาการระคายเคืองจนกระตุ้นให้ร่างกายแสดงอาการออกมาผ่านอาการไอ) +++บางครั้งอาการไออาจรุนแรงขึ้นในตอนกลางคืน ลักษณะเหมือนมีอะไรบางอย่างข้นเหนียวติดอยู่ที่ลำคอ จนทำให้คุณต้องกระแอมบ่อยๆ คันในคอหรือเพดานปาก รวมทั้งมีอาการคันยุบยิบที่ตา+จามเป็นระยะ ๆ ฟันธงได้เลยค่ะว่า นี่คืออาการไอที่เกิดจากโรคภูมิแพ้ชัวร์ !
็Happy New Year 2017
·͙⁺˚*•̩̩͙✩•̩̩͙*˚⁺‧͙⁺˚*•̩̩͙✩•̩̩͙*˚⁺‧͙⁺˚*•̩̩͙✩•̩̩͙*˚⁺‧͙ สวัสดีวันปีใหม่ 2560 ขอให้แฟนเพจณัฐพลคลินิกทุกท่าน มีความสุข สุขภาพแข็งแรงดี :) ไม่มีภูมิแพ้ :) เฮงเฮงเฮง รวยรวยรวย ตลอดปีและตลอดไปนะคะ ﾟ･:，｡★(*’v`*)♪ Happy new year 2017♪(*’v`*)/★，｡･:･ﾟ •❀❀• คลินิกเปิดอีกทีวันที่ 4 มกราคม ตั้งแต่ 5 โมงเย็น- 2 ทุ่มนะคะ •❀❀• Cr. Line
Timeline Photos
ล้างจมูก..สิ่งดีๆ ที่ไม่ควรมองข้าม :) :) ใครเป็นภูมิแพ้มาล้างจมูกกันเถอะค่าาา #คลินิกภูมิแพ้เชียงใหม่ #หมอภูมิแพ้เชียงใหม่ Cr. Samitivejhospital พอพูดว่าล้างจมูกมั่นใจว่าคนที่ไม่เคยล้างจะต้องรู้สึกกลัว ยิ่งบอกว่าสิ่งที่ฉีดเข้าไปเป็นน้ำเกลือด้วยแล้ว มันจะต้องแสบแน่ๆ ทว่าจริงๆ แล้วการล้างจมูกไม่น่ากลัวอย่างที่คิดเลยค่ะ การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ เป็นการชำระล้างเอาสิ่งสกปรก น้ำมูก หนอง ออกไปจากโพรงจมูกและไซนัส ทำให้โพรงจมูก และบริเวณรูเปิดของไซนัสโล่งขึ้น บรรเทาอาการคัดแน่นจมูก และชะล้างน้ำมูกเหนียวข้นที่คั่งค้างในโพรงจมูก และไซนัส 1. ล้างจมูกดีอย่างไร ? ใครที่เป็นโรคภูมิแพ้ร่วมกับมีอาการระคายเคืองจากสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ หรือในผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อ/อักเสบในโพรงจมูกและไซนัส หรือผู้ป่วยหลังผ่าตัดโพรงจมูกและไซนัส การล้างจมูกนี่ช่วยได้เยอะเลยค่ะ นอกจากนี้การล้างจมูกก่อนการพ่นยา จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของยาพ่นจมูก เนื่องจากยาสัมผัสกับเยื่อบุจมูกได้ดีขึ้นอีกด้วย รวมถึงเพิ่มความชุ่มชื้นในช่องจมูก กรณีจมูกแห้ง 2. ควรล้างจมูกบ่อยแค่ไหน ? อย่างน้อยวันละ 2 ครั้งช่วงตื่นนอนตอนเช้า และก่อนเข้านอน หรือเมื่อรู้สึกว่ามีน้ำมูกมาก แน่นจมูก หรือก่อนใช้ยาพ่นจมูก แนะนำให้ทำในช่วงท้องว่าง เพราะจะได้ไม่เกิดอาการอาเจียน 3. อุปกรณ์มีอะไรบ้าง ? 3.1 น้ำเกลือความเข้มข้น 0.9% ซึ่งหาซื้อได้จากโรงพยาบาลหรือตามร้านขายยา (น้ำเกลือที่ใช้เหลือให้เททิ้ง ห้ามนำกลับมาใช้ใหม่ หรือเทกลับเข้าขวดน้ำเกลือเดิม) 3.2 ถ้วยสะอาดสำหรับใส่น้ำเกลือ 3.3 กระบอกฉีดยาพลาสติกขนาด 10-20 ซีซี (ไม่ใส่เข็ม) 4. การล้างจมูกทำอย่างไร ? 4.1 ล้างมือให้สะอาด แล้วก้มหน้าลงเล็กน้อยเหนืออ่างล้างหน้าหรือภาชนะรองรับ 4.2 นำปลายกระบอกฉีดยา หรือ อุปกรณ์ล้างจมูกสำเร็จรูป ใส่เข้าไปในรูจมูกข้างหนึ่ง “หายใจเข้า-กลั้นหายใจ-ก้มหน้า-อ้าปาก” (กลั้นหายใจเพื่อป้องกันการสำลักลงไปยังกล่องเสียงและหลอดลม) และค่อยๆ ดันน้ำเกลือเข้าไปในช่องจมูกช้าๆ (เพื่อป้องกันอาการปวดหู หรือ หูอื้อ) ปริมาณน้ำเกลือที่ใช้ควรเริ่มจากปริมาณน้อยๆ เช่น 5-10 ซีซี หลังจากที่คุ้นเคยกับการล้างจมูกแล้ว จึงเพิ่มปริมาณน้ำเกลือล้างจมูกสลับข้างตามขั้นตอนเดิม หลังล้างเสร็จ สังเกตว่าหายใจโล่งขึ้น ไม่มีมูกในช่องจมูก และน้ำเกลือที่ออกมาใสเหมือนกับที่ฉีดเข้าไป 4.3 หลังล้างจมูกควรสั่งน้ำมูกเบาๆ ไม่ควรสั่งแรงๆ หรืออุดรูจมูกอีกข้างระหว่างสั่งน้ำมูก เพราะอาจทำให้ปวดหู หรือ หูอื้อได้ 4.4 ทำความสะอาดอุปกรณ์ล้างจมูกโดยใช้น้ำยาล้างจานหรือลวกน้ำร้อน จากนั้นตากให้แห้ง และเก็บในภาชนะที่สะอาด
Timeline Photos
:) อาทิตย์หน้าณัฐพลคลินิกปิดทำการวันที่ 17-20 ธ.ค นะคะ :) เราจะเปิดให้บริการตามปกติในวันพุธที่ 21 ธ.ค ตั้งแต่ 17.00 เป็นต้นไปค่ะ +:+:+ ช่วงปีใหม่ปิดวันไหนบ้างเดี๋ยวแจ้งให้ทราบอีกทีน้าาา +:+:+ #คุณหมอหนีเที่ยว #คลินิกภูมิแพ้เชียงใหม่
Timeline Photos
❋-- จามบ่อย ๆ อาจไม่ใช่แค่หวัดนะจ๊ะ--❋ แล้วจะเป็นอะไรได้บ้างถ้าเราจามบ่อยๆ มาดูกันเลยค่าาา #คลินิกภูมิแพ้เชียงใหม่ #skintestเชียงใหม่ Cr. dailymail 1. โรคภูมิแพ้อากาศ อาการจามที่คุณเป็นอยู่อาจเกิดจากภาวะของโรคภูมิแพ้อากาศ ยิ่งกับคนที่มีอาการจามบ่อย จามติด ๆ กัน หรือมีอาการคันตา น้ำตาไหลร่วมด้วย ก็ยิ่งน่าสงสัยว่าอาจป่วยเป็นโรคภูมิแพ้อากาศหรือโรคภูมิแพ้จมูกอยู่ค่ะ เพราะโรคนี้จะเป็นอาการที่เกิดขึ้นกับเยื่อบุจมูก ซึ่งเยื่อบุจมูกของผู้ป่วยจะไวต่อสิ่งเร้า อาทิ สภาพอากาศ ฝุ่นละออง ไรฝุ่น เกสรดอกไม้ เชื้อรา ขนสัตว์ หรือแม้แต่กลิ่น และสิ่งระคายเคืองต่าง ๆ จนก่อให้เกิดอาการจามฮัดชิ้ว...นั่นเองค่ะ สำหรับคนที่จามตอนเช้าบ่อย ๆ อาจเป็นเพราะไรฝุ่นจากที่นอน หมอน หรือผ้าห่ม รวมไปถึงผ้าม่านในห้องนอนก็เป็นได้ ดังนั้นแนะนำให้ซักเครื่องนอน ดึงที่นอนออกไปตีฝุ่นและผึ่งแดด และทำความสะอาดห้องนอนครั้งใหญ่เพื่อกำจัดไรฝุ่นให้สิ้นซาก แล้วคราวนี้มาดูกันค่ะว่าอาการจามตอนเช้าหายไปไหม 2. เยื่อบุจมูกอักเสบ ภาวะเยื่อบุจมูกอักเสบก็อาจเป็นสาเหตุของอาการจามบ่อย ๆ ได้ โดยเยื่อบุจมูกอักเสบมักจะเกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่ระบบทางเดินหายใจ หรืออาจเป็นการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งมักจะเกิดกับคนที่มีภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำ ทั้งนี้เราสามารถสังเกตอาการเยื่อบุจมูกอักเสบได้จากอาการจามถี่ ๆ จามอยู่เรื่อย ๆ ไม่ยอมหาย บางรายอาจมีไข้ต่ำร่วมด้วย มีน้ำมูกสีเทา เหลือง เขียว หรือสีน้ำตาล ซึ่งบอกถึงภาวะติดเชื้อ รวมถึงบางรายอาจมีอาการเจ็บคอร่วมด้วย 3. ริดสีดวงจมูก ริดสีดวงจมูก คือ ภาวะที่เยื่อบุจมูกหรือไซนัสมีอาการอักเสบและบวม จนมีลักษณะยื่นออกมาคล้ายติ่ง ซึ่งมักจะเกิดจากการอักเสบหรือการติดเชื้อที่เยื่อจมูกชนิดเรื้อรัง โดยความผิดปกติดังกล่าวอาจแสดงออกด้วยอาการคัดแน่นจมูก จามบ่อย มีน้ำมูกใส หรือน้ำมูกมีสีพร้อมกลิ่น รวมถึงมีอาการปวดตื้อที่สันจมูกและแก้ม เจ็บคอเรื้อรัง และอาการปวดมึนศีรษะร่วมด้วย 4. โรคจมูกอักเสบชนิดไม่แพ้ ผู้ป่วยโรคนี้จะมีอาการคล้าย ๆ กับโรคเยื่อบุจมูกอักเสบ หรือโรคภูมิแพ้ ทว่าหากตรวจอย่างละเอียดแล้วจะไม่พบการติดเชื้อในร่างกาย แต่ตัวผู้ป่วยเองก็จะมีอาการจามถี่ ๆ มีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล อย่างไม่มีสาเหตุจำเพาะที่ชัดเจน ซึ่งทางการแพทย์ได้สันนิษฐานว่าสาเหตุของโรคนี้น่าจะเกิดจากการตอบสนองที่มากผิดปกติของเยื่อบุจมูกต่อสารระคายเคืองต่าง ๆ และส่งสัญญาณไปยังระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เกิดอาการจาม น้ำมูกไหลผิดปกติได้ ** นอกจากนี้การอยู่ในสิ่งแวดล้อมสุ่มเสี่ยง เช่น อยู่ในที่ที่มีขนสัตว์ฟุ้งกระจาย มีฝุ่นเยอะ สภาพอากาศไม่ปลอดโปร่ง ก็อาจเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดอาการจามติด ๆ กันได้ ซึ่งก็เป็นปฏิกิริยาของร่างกายที่พยายามจะกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่ผ่านเข้าระบบทางเดินหายใจออก ทว่าหากอาการจามยังไม่มีทีท่าว่าจะหายนานเกิน 2 สัปดาห์ เคสนี้แนะนำให้ไปตรวจเช็กกับแพทย์ผู้เขี่ยวชาญเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไปค่ะ
Timeline Photos
❥❥❥ เป็นภูมิแพ้... แต่ไม่รู้แพ้อะไรบ้าง?? งั้นมาดูสิ่งกระตุ้นที่มักทำให้อาการภูมิแพ้กำเริบกันดีกว่าค่ะ ++ เพราะการหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้เป็นการป้องกันที่ดีที่สุด ++ #ตัวกระตุ้นภูมิแพ้ #คลินิกภูมิแพ้เชียงใหม่ 1. สารก่อภูมิแพ้ใกล้ตัว เช่น ไรฝุ่น แมลงสาบ สัตว์เลี้ยง เชื้อราในห้องน้ำ/ห้องครัว ตุ๊กตาทีมีขน พรม หนังสือเก่าๆ 2. หลีกเลี่ยงละอองเกสรหญ้า วัชพืช และดอกไม้ และไม่ควรปลูกต้นไม้ในบ้าน 3. หลีกเลี่ยงสารระคายเคือง เช่น ควันบุหรี่ ควันธูป ควันรถ กลิ่นฉุนๆ และสเปรย์ปรับอากาศต่างๆ 4. หลีกเลี่ยงโซฟาหรือเฟอร์นิเจอร์ที่บุด้วยผ้า เพราะเป็นที่เก็บกักฝุ่นและยากต่อการทำความสะอาด 5. มีเครื่องเรือนเครื่องตกแต่งเท่าที่จำเป็น เพื่อให้ทำความสะอาดง่าย และลดการสะสมของฝุ่น 6. เลือกเครื่องนอนที่ทำจากผ้าป้องกันไรฝุ่น // ใช้ผ้าห่มที่ซักได้บ่อยและไม่มีวัสดุที่เป็นขน ควรซักเครื่องนอนด้วยน้ำร้อนทุก 1-2 สัปดาห์ 7. หมั่นล้างเครื่องปรับอากาศเพื่อกำจัดสิ่งสกปรกตามไส้กรองอากาศทุก 6 เดือน
Quiz
